TRIDI จุดประกายสร้างธุรกิจ ICT ไทยให้แข็งแกร่ง : Short Note

บล็อกสุดท้ายของปี ก่อนไปวัดสุนันทวนาราม 😀 สวัสดีปีใหม่ผู้ติดตามบล็อกทุกท่านนะครับ

เริ่มจากวันก่อนคุณ Mk เมล์มาชวนครับ

ช่วยคอนเฟิร์มการเข้าร่วมฟังบรรยาย “จุดประกาย…สร้างธุรกิจ ICT ไทยให้แข็งแกร่ง”
โดย คุณเรืองโรจน์ (กระทิง) พูนผล วันที่ 24 ธ.ค. 52 ที่โรงแรม Pullman
รางน้ำ ด้วยครับ

และจดหมายฉบับนี้ส่งมาจาก TRIDI
จดหมายเชิญมีลงนาม ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผอ. สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

ด้วยสถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (TRIDI) สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
(สำนักงาน กทช.) จะจัดการบรรยายพิเศษเรื่อง “จุดประกาย…สร้างธุรกิจ ICT ไทยให้แข็งแกร่ง”; โดย คุณเรือง
โรจน์ พูนผล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด, Google Inc. ในวันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม 2552 เวลา
09.45-13.00 น. ณ ห้อง Alpha โรงแรม Pullman Bangkok ถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

@markpeak กำลังแนะนำตัวเอง ใต้ป้ายชื่องาน
@markpeak กำลังแนะนำตัวเอง ใต้ป้ายชื่องาน
คุณกระทิงกำลังพูด ว้า ไมค์บัง
คุณกระทิงกำลังพูด ว้า ไมค์บัง

ความเห็นต่อการเสวนา จุดประกายสร้างธุรกิจ ICT ไทยให้แข็งแกร่ง

เนื่องจากหัวข้อเรื่องคือ “จุดประกาย” คุณกระทิงจึงบรรยายได้ตามวัตถุประสงค์ตลอด 2 ชั่วโมงจริงครับ คือจุดประกายให้พวกเราตลอดจริง ๆ นี่นับเป็นสิ่งที่ผมได้เห็นคุณค่าของผู้ที่มีโอกาสได้เรียนต่างประเทศและทำงานต่างประเทศเป็นครั้งแรก (สมัยก่อนแอบแอนตี้เล็กน้อย) เพราะมุมมองนั้นเปิดกว้างมาก ถ้าเทียบกับพวกผมซึ่งเป็นพวกมวยวัด กัดมาเรื่อยๆตั้งแต่ตั้งธุรกิจ เห็นแต่สภาพความกดดันภายในประเทศไทยที่เล็กแสนเล็กและมีการเมืองไม่เหมือนใคร แต่คนที่จะเรียนเมืองนอกแล้วได้ใช้ประโยชน์จริงๆนั้นก็มีน้อยมาก การคัดเลือกคนที่มีแรงผลักดันในการสร้างธุรกิจด้วยตนเองและมีพื้นฐานชีวิตแบบปากกัดตีนถีบมาตลอดให้ได้ไปเรียนต่างประเทศนั้นมีความสำคัญต่อมุมมองในการ Start Up กิจการ IT ทีเดียวครับ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นการ เสวนา จุดประกาย เราเลยไม่ได้มองถึงการบริหารความเสี่ยงและมุมมองด้าน Finance กันเลย

นั่งข้างคุณฮันท์ อบอุ่นดี :P
นั่งข้างคุณฮันท์ อบอุ่นดี 😛

คุณกระทิงได้เล่าถึงโอกาสในการทำธุรกิจในโลกทุนนิยมได้เป็นฉากๆ ด้วยจินตนาการที่เข้าใจถึงเศรษฐศาสตร์ IT ในระบบ ทำให้ทุกคนเห็นว่าตนเองก็สามารถทำอะไรที่พลิกโลกกันได้ง่ายๆ แต่ถ้าไม่อยากพลิกโลก ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายๆเพียงเชื่อมสิ่งที่ขาดหายของยักษ์ใหญ่เข้าด้วยกัน (ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครมีแนวโน้มคิดระบบ Filter out ของ youtube ได้ก็น่าจะโดนซื้อแน่ๆ เป็นต้น)

อย่างไรก็ตาม ตลาดเมืองไทยเป็นตลาดที่ไม่น่าเล่นด้วยประการทั้งปวงเพราะเล็กมาก การทำบริษัทควรเป็นรูปแบบ International มากกว่าเป็นของไทย และผมคิดว่าเราควร Shift Paradigm กันได้แล้วครับว่าตลาด IT นั้น คือตลาดโลก การหมกมุ่นอยู่แต่คำว่าไทยจะทำให้วงการ IT ไม่พัฒนาในที่สุด ดังนั้นแม้แต่ชื่อของการเสวนาครั้งนี้ก็ควรเปลี่ยนโดยควรตัดคำว่า “ไทย”ออกครับ เป็น “จุดประกายสร้างธุรกิจ ICT ให้แข็งแกร่ง” แทน !

ส่วนการเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนนั่นนี่และไม่ได้รับการตอบสนอง ผมคิดว่าเป็นเพราะว่า รัฐบาลยังไม่ฉลาดพอที่จะเห็นผลประโยชน์จากการที่ IT ไทยพัฒนาต่างหากครับ ดังนั้นการ Educate ให้รัฐบาลหาผลประโยชน์ได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเราควรจะทำให้รัฐบาลรู้ว่ากรมสรรพากรจะเก็บภาษีจากการค้าระหว่างประเทศในอินเตอร์เน็ทอย่างไร น่าจะถูกต้องกว่าและทำให้รัฐบาลหันมามองวงการในระยะยาว

สิ่งที่ทุกคนควรจะเสนอคือ ความเป็นไทยนั้น เราควรใช้กับการขายด้านวัฒนธรรมเท่านั้น ส่วนการรักชาติต้องมองให้แน่วแน่ยิ่งกว่านี้ (อย่าลืมว่า ญี่ปุ่นรักชาติ แต่นิวเคลียร์ก็ทำให้การรักชาติต้องเปลี่ยนรูปแบบไป และตอนนี้ด้วย internet การรักชาติก็ต้องเปลี่ยนไปอีก) เรื่องสมองไหลของไทยก็ต้องพิจารณาว่าให้ไหลต่อไปและร่วมพัฒนาสิ่งยิ่งใหญ่ระดับโลกกับคนชาติอื่นๆได้สำเร็จ เสร็จแล้วค่อยมาลงทุนต่อยอดในประเทศจะดีกว่าหรือไม่ และสำคัญมาก การศึกษาในไทยนั้นต้องแก้ไขความไม่ต่อเนื่องของแผนพัฒนาอันเนื่องมาจากรัฐบาลให้ได้ ไม่อย่างนั้นส่งคนไปเรียนเวียดนามจะดีกว่าครับ -_-”

ขอบคุณคุณ กระทิงและ TRIDI มากครับ 😀

ปล. นักข่าวกรุงเทพธุรกิจที่ไปร่วมเสวนานั้น จะเอาแต่ข่าวอย่างเดียวจริงๆ ไม่สนใจฟังประเด็นที่แท้จริงเลย
ปล2. ผมเขียนบล็อกแบบเขี่ยไปก่อน ถ้าอยากได้มุมมอง IT เท่ๆ รอคุณ MK ดีกว่า 😛

ปล 3 อาหารกลางวันโรงแรม Pullman อร่อยดี เสียดายผมมีเวลากินน้อยต้องไปพัทยาต่อ
ปล 3 อาหารกลางวันโรงแรม Pullman อร่อยดี เสียดายผมมีเวลากินน้อยต้องไปพัทยาต่อ

ประวัติ คุณ กระทิง หรือคุณ เรืองโรจน์ พูนผล ลองเซิร์ทได้ครับ เป็นผู้มีความสามารถสูงจริงๆ

Short Note การพูดของคุณ กระทิง

  • คุณกระทิงนั้นออกจาก Google แล้ว กำลัง Set Up บริษัทใหม่ใน Silicon Valley ย้ำว่าใช้เงินลงทุนต่ำมาก
  • คุณกระทิง หัวเอียงซ้าย
  • ธุรกิจและอุตสาหกรรม IT การ Forecast ระยะยาวไม่จำเป็น เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก ลุยไปเลยดีกว่า ผู้ที่สำเร็จอาจเกิดจากการลองผิดลองถูกมา 50 ครั้ง และถูกครั้งสุดท้ายครั้งเดียว (แต่ไม่ค่อยมีคนให้สัมภาษณ์ถึงตอนที่ทำผิด เพราะมันคือ Asset)
  • Internet ไม่ได้แก้ Regional Behavior การทำ Branding จากระดับโลกมาลงในพื้นที่ ทำยากมาก
  • ตลาด IT จีนใหญ่กว่า USA แต่คุมยากมาก กระนั้นก็น่าทำเพราะใหญ่จริงๆ
  • Google นั้นล้มเหลวมามากเช่นกัน แม้แต่ผู้บริหารยังเคยเกือบถูกปลดออกเพราะในครั้งแรกไม่อยากหาเงิน
  • อธิบายสั้นเรื่อง Mobile Eco Systems ( แต่ผมยังต้องหาความรู้เพิ่ม )
  • ยกตัวอย่างชนพื้นเมืองถ่ายรูปต้นไม้ด้วยมือถือ Android ปักหมุด Google Map และเคลม Carbon Credit
  • ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติเพราะแผนพัฒนาไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการศึกษา
  • เวียดนามมีศักยภาพ IT ดีกว่าไทยเพราะ
    • คนเวียดนามอพยพไป USA เยอะนานมาแล้ว เกิดความเคยชิน
    • ภาษาดีพอ รัฐบาลสนับสนุนเรียนภาษาฟรีหลังเลิกงาน บางคนได้ถึง 5 ภาษา
    • USA มีความรู้สึกผิดในใจสมัยสงคราม อยากตอบแทนแก้ตัวลึกๆ
    • คนเวียดนามทำอะไรทำจริง แรงผลักดันสูง
  • Youtube ลงทุนเงิน $6-$7/User
  • Facebook ประมาณ 35 บาท/user
  • ในโลก Social Network ,Social Maketing มี market cap $1.4B US แต่ Social Computing อาจทำเงินไม่ถึง
  • Personalization ของ facebook มีสิทธิใหญ่กว่า Google
  • ผู้ประกอบการต้องตั้งคำถามว่า ทำไม? แล้ว Challenge แต่ส่วนใหญ่ Stuck in the middle
  • Trend การทำธุรกิจในปัจจุบันเปลี่ยนเป็น ตั้งบริษัทเพื่อขาย และ Google Venture Cap มี Policy จะซื้อบริษัททุกเดือน
  • เปลือกโลก นวตกรรมกำลังเปลี่ยน เป็นโอกาศดีของชาว IT ยุคใหม่
  • มือถือฮิต ระบบการ Search และขายโฆษณาแบบเดิมจะไม่เหมาะอีกต่อไปเพราะ หน้าจอเล็ก ต้องหาวิธีใหม่
  • Local Advertising ใหม่มาก ตลาดใหญ่มากๆ แต่ทำยาก ,Inclusive Ads ทำยาก
  • Location Base น่าสนใจ แต่ทำอย่างไรกับวิธีโฆษณา
  • น่าสนใจ,ควรศึกษา mint.com , salesforce.com , cloud compution และความเข้าใจใน Disruptive technology
  • บางครั้ง อนาคตของ Platform ขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนใน ซิลิกอน Valley เช่น Apple ;Close, Very Cool แต่ Android ; เปิด และเป็นประชาธิปไตย , แต่งานของ Google ในอนาคตจะขึ้นกับคำถามที่ว่า คนจะ Willing to share private data for free service ไปถึงเมื่อไหร่
  • การร่วมมือกับ VC , Valuation เป็น Art, ก่อนหน้านั้นควรศึกษา Style การลงทุนของ VC, คุยกับคนที่VCเคยร่วมทุน , VC 2,3 tier มีโอกาศน้อยมากในการลงทุนและสำเร็จ
  • ถึงแม้การตั้งหน้าตั้งตาเป็น Innovator จากการ shift paradigm ไปแล้ว จะมีความเสี่ยงต่อการไม่ประสบความสำเร็จอยู่มากเช่นเดียวกับถ้าประสบความสำเร็จก็จะรวยมาก สิ่งจูงใจอย่างหนึ่งคือสื่อ ถ้าเราบ้าพอ สื่อจก Pick Up ข่าวมากขึ้น และ ผู้คนจะสนใจมากขึ้น เรามีสิทธิ raise fund ได้มากขึ้นเช่นกัน