ไฟในใจ…ขอให้มอดดับไปกับบทเรียนในครั้งนี้

RT @Fringer: “สันติภาพรักษาด้วยกำลังไม่ได้ บรรลุได้ด้วยความเข้าใจเท่านั้น” – อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

CTW กำลังไหม้ พร้อมธงไทยที่ขาดวิ่น
CTW กำลังไหม้ พร้อมธงไทยที่ขาดวิ่น ภาพจาก Boston pictures

รูปจากด้านบนนำมาจากชุดรูปข่าวที่อธิบายเหตการณ์ในวันที่ 19 พค 2553 ได้ดีที่สุด คือที่ Boston Big Pictures ครับ

ผมขออนุญาติเล่าประวัติของ โรงเรียนสอน Mac ของเราจนกระทั่งโรงหนังสยามที่เป็นที่ตั้งได้ถูกเผาไปนะครับ ต้องขอโทษที่รบกวนทุกท่านด้วย …

กลางปี 2007 เริ่มต้นที่สุทธิสาร

โรงเรียนนั้นตั้งมาในช่วงปี 2007 ในช่วงที่ TiGERiDEA ประสบปัญหาด้านธุรกิจพอดี แนวคิดเกิดจากการทำงานกับ Freelance ทางด้านครีเอทีฟกันมามาก ทำให้เรารู้สึกว่าคนทำงานดีๆหายากจึงตัดสินใจเปิดโรงเรียนขึ้นมาโดยมีจุดเริ่มต้นส่วนหนึ่งจากการได้รับความชื่นชอบจาก Apple Thailand เนื่องจากเม่นและผมไปช่วยกันพรีเซ้นท์โปรแกรมของ Mac บ่อยๆนั่นเอง ในภายหลังเม่นถอนตัวไปทำ Small Valley และผมดูแลไทเกอร์ไอเดียเป็นหลักแต่ถือหุ้นโรงเรียนส่วนอัคและกิฟ(ภรรยาของอัค) เป็นผู้บริหารของโรงเรียนนี้

ในระยะแรก เราพยายามทำหลายอย่างทั้งการโปรโมทด้วยการทำเว็บเพียงอย่างเดียวเนื่องจากไม่มีเงินทุน เราสามคนไม่ใช่ลูกเจ้าของนักธุรกิจร่ำรวยจึงต้องพยายามใช้เงินให้เกิดประโยชน์ที่สุด เราใช้ออฟฟิศ TiGERiDEA ที่ตกแต่งไปแล้วด้วยเงินจำนวนหนึ่งย่านสุทธิสารเป็นที่ตั้งโรงเรียนก่อน พยายามดึงลูกค้ามาด้วยวิธีต่างๆ บางครั้งเราไปยืนแจกโบรชัวร์ด้วยตนเองบริเวณใต้สถานนีรถไฟฟ้า พลางมอง รปภ กับ เทศกิจไปพลาง

ปี 2008 ย้ายมาพระราม 4

เมื่อครั้ง meeting freemac.net ที่โรงเรียน
เมื่อครั้ง meeting freemac.net ที่โรงเรียน

จากนั้นจึงย้ายโรงเรียนมาที่พระราม 4 ช่วงปี 2008 พร้อมเงินลงทุนรวมกันหลักล้านบาท คิดว่าทำเลดีกว่า เรามีการจัดกิจกรรมกับ patid.com (ที่ผมรู้จัก) และ freemac.net (ที่เม่นรู้จัก) เพื่อทำให้หลายๆคนที่อยู่รอบๆตัวเราเริ่มบอกต่อกันแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จมากเพราะ กลุ่มที่เป็นเว็บบอร์ดส่วนใหญ่เก่งคอมพิวเตอร์และนิยมเรียนด้วยตนเองมากกว่า แต่ได้ประโยชน์ทางด้าน SEO เพราะมีลิงก์คนพูดถึงมากมาย เราอยู่ที่นี่พักใหญ่ เมื่อโอกาสมากขึ้นเราก็เริ่มมองหาที่ๆ prime ที่สุดในกรุงเทพ แน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่ายด้านสถานที่สูงสุด จากเดิมที่ยังไม่มีเครดิตในการบริหารงานโรงเรียนสอนคอมพ์ ทำให้เราเริ่มมี”กำลังเครดิต” ที่จะหาเงินเพิ่มเติมได้ ถ้าถามว่าเสียดายที่เดิมก็เสียดายเงินที่ลงทุนไปและยังเป็นหนี้แต่เมื่อคำนวนคร่าวๆทาง Business พร้อมกับคำแนะนำจากเพื่อนๆที่มีโรงเรียนกันในนั้นก็ทำให้สรุปได้ว่า สยามคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการทำโรงเรียน

ปี 2009 สู่สยาม ทำเลที่ดีที่สุด

โรงเรียนที่สยาม
โรงเรียนที่สยาม

Slide รูปถ่ายที่โรงเรียนซึ่งอยู่ชั้น 2 อาคารโรงหนังสยามเมื่อปีก่อนขณะยังไม่เรียบร้อยดี ก่อนถูกเผาได้ปรับปรุงเพิ่มอีกมาก

ปี 2009 เราตัดสินใจมาอยู่ที่ชั้นสองของโรงหนังสยาม อันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนกวดวิชาหลายโรงเรียนที่ดังๆก็คือ Ondemand ,จุดเด่นของพื้นที่คือโรงหนังสยามอยู่ใกล้ทางลงของ BTS สยามมาก ลงทุนตกแต่งไปพอสมควรเนื่องจากของของเดิมเขรอะจากการเป็นร้านทำผม ซื้อ iMac รุ่นใหม่เพื่อมาซับพอร์ตการเรียนเป็นจำนวนมาก และยังมีอุปกรณ์ดนตรี พร้อมSound card พร้อมคีย์บอร์ด USB อีกหลายตัว ทำพาร์ทิชั่นแบ่งห้องให้ชัดเจนและติดแอร์ทั้งสามชั้น ทำห้องน้ำใหม่และทำเคาท์เตอร์รับแขก ลงแว็กซ์ที่พื้น ติดวอลเปเปอร์ที่ผนังทั้งหมด เดินระบบไฟและระบบส่องสว่างใหม่ ให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยและบันไดหนีไฟของโรงเรียน ฯลฯ

เราลงทุนไปพอสมควร และเมื่อต้นปี สัญญาณของการชุมนุมก็ชัดเจน ผู้ชุมนุมถูกปิดกั้นจากสื่อจึงเลือกแยกราชประสงค์เพราะเป็นที่ Exposer เยอะ มีคนเห็นเยอะทั้งจากรถไฟฟ้าและตึกต่างๆ ถ้ามีทหารเข้ามาก็จะสามารถเห็นได้ก่อนจากชุมชนโดยรอบ การขยายตัวต่อเนื่องผู้ชุมนุมมาอยู่โดยรอบใต้ BTS ทำให้ผู้เรียนเดินทางมาสยามยากขึ้น ผมเองวิเคราะห์ไว้แต่แรกว่า หากเรายังคงแก้ปัญหาด้วยการเกลียดชังซึ่งกันและกัน ผลร้ายต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ความรู้สึกนี้เป็นด้วยกันหมดในผู้เป็นเจ้าของธุรกิจย่านราชประสงค์และสยาม ทำให้แต่ละคนไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ปราบปรามผู้ชุมนุมและเลือกที่จะอยากให้หันหน้าร่วมเจรจากับรัฐบาลมากกว่า เพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ความหวังเริ่มจางหาย

แต่จากบรรยากาศแต่ละอย่างก็ทำให้เจ้าของธุรกิจเศร้าและท้อแท้ใจขึ้นเรื่อยๆ

ความเกลียดชังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การด่าทอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ความรุนแรงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แทบทุกคนบอกว่าแกนนำเป็นต้นเหต ต้องกำจัดแกนนำ ผู้ชุมนุมโดนบังคับมา

ทุกคนกำลังสร้างผู้ก่อการร้ายที่ปราศจากคนคุมตัวจริงขึ้นมา

ในที่สุด โรงหนังสยามที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนก็ถุกเผา

โรงหนังสยามกำลังไหม้ ด้วยไฟที่ลามมาจากใจของเราทุกคน
โรงหนังสยามกำลังไหม้ ด้วยไฟที่ลามมาจากใจของเราทุกคน

ภาพ rt โดย @HaeOkay จาก fb ของ Muse Kesornpikul

เมื่อแกนนำประกาศมอบตัวในวันที่ 19 พค ผู้รับผิดชอบก็ไม่อยู่ ผู้ชุมนุมที่คลุ้มคลั่งและไม่มีผู้รับผิดชอบก็ปฎิบัติการเผาทั้งเมืองรวมทั้งโรงหนังสยามและโรงเรียนโดยที่รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ หัวใจของเจ้าของกิจการหลายคนแหลกสลายจากความหวังที่ถูกทำลายทั้งๆที่มีเค้ารางสันติภาพจากการรับเจรจาโดย สมาชิกวุฒิสภาเมื่อเย็นวันที่ 18 พค ผมเองก็ประมาทเพราะเหตการณ์นี้ด้วยเช่นกัน โรงเรียนพร้อมคอมพิวเตอร์ Macintosh และอุปกรณ์จำนวนมากมอดไหม้ไปกับโรงหนังสยาม ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้อีกแล้ว

ปัญหาต่างๆทางธุรกิจ และปัญหาสืบเนื่องด้านกฏหมายยังคงรอการแก้ไขเมื่อนักธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทุกคนมีสติกันเพียงพอ อัคและผมกำลังศึกษาอยู่ว่าจะเปิดใหม่ที่ใดยังไม่แน่ใจเรื่องเศรษฐกิจและสถานการณ์จะดีขึ้นเพียงไร เช่นเดียวกับเจ้าของธุรกิจทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ที่ต้องดิ้นรนและถูกทอดทิ้งมาโดยตลอด ไม่มีใครมารับผิดชอบผลของมันแน่นอน

การกดดันด้วยการด่าและสร้างความเกลียดชัง ณ นาทีนี้ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว เรามาร่วมกันลดความเกลียดและดับไฟในใจคนกันเถอะ

ผมเองไม่ได้สนับสนุนให้ละเลยคนทำผิดครับแต่อยากให้เราหันมองที่จิตใจตัวเองกันก่อนแล้วจึงค่อยออกไปมองด้านนอก ทุกคนร่วมกันแก้ไข โลกถึงจะสงบสุขลงได้

ตึกรามบ้านช่องอาจสร้างใหม่ได้ แต่ชีวิตคนนั้นไม่สามารถเทียบกันได้เลย ของให้ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตทุกท่านจงไปสู่สุขคติด้วยเถิดครับ

ไฟที่น่าเศร้าใจที่สุด คือไฟในใจของคนไทย

สิ่งที่แย่ที่สุดคือ ทุกคนไม่พยายามเข้าใจซึ่งกันและกันเลย ผู้ชุมนุมไม่ได้ดูสื่ออื่นเลย คนกรุงเทพฯก็พยายามในการเชียร์ให้รัฐบาลสลายโดยเหมือนแกล้งไม่รู้ว่าธุรกิจรอบด้านจะเสียหาย รัฐบาลก็บอกล่วงหน้าว่าผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย (ทำให้ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ) แกนนำหลายคนที่มาจากต่างจังหวัดและไม่ใช่แกนนำสาย”นักเคลื่อนไหว”แต่เป็นแกนนำสาย”นักการเมือง”ก็ปลุกปั่นผู้ชุมนุมให้ฮึกเหิมเพื่อไม่ให้อยากกลับ แนวคิดของแกนนำสวนทางกับแนวทาง จึงสร้างสะสมความรุนแรงให้มากขึ้น คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อยากสร้างความรุนแรงก็เข้าร่วมเรื่อยๆ ( แต่ไม่สามารถก่อเหตร้ายได้เพราะแกนนำยังรับผิดชอบอยู่ ) การปิดกั้นสื่อทุกทางทำให้ ผู้ชุมนุมขยายอาณาเขตไปทางสีลม และทำให้เกิดการยั่วยุกับกลุ่มคนสีลม มีการระแวงบุกโรงพยาบาล/BTS ทำให้รัฐออกสื่อ และเกิดความเกลียดชังต่อเนื่อง มีกลุ่มม็อบหลากสีและม็อบพันธมิตรออกมาและได้ออกโทรทัศน์ ทับถมทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ Timeline ของ ทวิตเตอร์และ facebook เต็มไปด้วยข้อความเสียดสี หยาบคาย ดูหมิ่น และอ้างถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นปช.ที่อยู่ต่างประเทศไม่สนใจ นปช.ในประเทศด้วยการออกสื่อและข้อความที่ล่อแหลมตลอดเวลา ฯลฯ

การเจรจาจะเกิดขึ้นหลายครั้งแต่ก็มีอุปสรรคตลอด,แกนนำยื่นข้อเสนอเพิ่มและไม่จบเรื่อง, M79 ลงคืนที่จะมีการเจรจาทุกครั้ง, นายกฯไม่รับเจรจากับผู้ก่อการร้าย, ม็อบหลากสีไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา แสดงถึงความพ่ายแพ้ทางด้านจิตใจของคนไทยและไม่เห็นใจผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริงทุกฝ่าย

เราเติมเชื้อไฟเมื่อเอ่ยปากด่าว่า

เราเติมเชื้อไฟเมื่อเราสะใจ

เราเติมเชื้อไฟเมื่อเราเสียดสีส่อเสียด

เราเติมเชื้อไฟเมื่อเชื่อในสิ่งที่ได้ยินทันทีตั้งแต่ครั้งแรก

เราเติมเชื้อไฟจากการถูกชี้นำ

เราเติมเชื่อไฟเมื่อเราดูถูก

เราเติมเชื้อไฟเพราะทำเป็นไม่เห็น ไม่เข้าใจคนที่ไม่เหมือนกัน

จากการเติมเชื้อไฟเข้าไปในหัวใจเรื่อยๆ โดยไม่คิดที่จะดับ หรือถอนออกมาด้วยสติ ไม่คิดถึงกองไฟใหญ่ที่จะเกิดขึ้นและทำร้ายความเป็นมนุษย์ ไฟที่ลุกไหม้โรงหนังสยามและ CTW ทั้งทุกๆที่ คือไฟที่ลามออกมาจากหัวใจของคนทุกคนนั่นเอง

เถ้าถ่านของโรงหนังสยาม iSchool อยู่ทางด้านซ้ายมือข้างในของบันไดเลื่อนนี้
เถ้าถ่านของโรงหนังสยาม โรงเรียน อยู่ทางด้านซ้ายมือข้างในของบันไดเลื่อนนี้

รูปจาก RichardBarrow

ผมเองในฐานะของผู้ที่มีส่วนในการเติมเชื้อไฟอยู่ด้วยเช่นกัน และตอนนี้ก็ได้รับผลกรรมโดนไฟแผดเผาโดยตรงทั้งข้างในใจ และและยังแผดเผาถึงวัตถุภายนอกด้วย ก็หวังว่าจะเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยดับไฟเหล่านี้ให้หมดไป ขอให้เถ้าถ่านของโรงหนังสยามเป็นกำแพงที่ทำให้ไฟรอบข้างได้มอดลง และสถานที่เป็นที่สุดท้ายที่ไหม้ไฟด้วยเถอะครับ

follow @ipattt
follow @ipattt

ปล.ขอบคุณ จ๋ง สำหรับการ Support