ตอนนี้ twitter กำลังมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมยังเริ่มมีกลยุทธในการ search ข้อมูลที่เจ๋งขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ facebook เวอร์ชั่นล่าสุดที่เราใช้กันอยู่(ออกมาช่วงปลายปี 08) นั้นกลับมีลักษณะเลียนแบบ micro blogging ของ twitter … ผมเลยตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับ facebook ตอนนี้นะ ??
จากที่คุณเม่นเคย search เกี่ยวกับ เว็บช่วยชาติใน twitter ได้ผลทันควันตัวอย่างดังด้านล่าง
twitter search
ในปัจจุบัน twitter search นั้นค้นหาเพียงข้อความใน twitter post แต่ต่อจากนี้ twitter search กำลังจะรู้จักลิงก์ต่างๆที่ถูก tweet และ มันจะทำ index content ในหน้าเว็บนั้นๆด้วย ! สิ่งเหล่านี้ทำให้ twitter สามารถที่จะรู้สิ่งที่เกิดขึ้นแบบ realtime ในเว็บต่างๆที่ถูก tweet และสำหรับการค้นหาข้อมูลที่ต้องการความ update ที่สุด twitter จะให้ผลการค้นหาที่น่าเชื่อถือกว่า google ! นอกจากนั้นยังสามารถที่จัดระบบ reputation (คล้ายๆ pagerank ของ google) โดยพิจารณาจาก trend ของลิงก์ที่ถูก tweet ถ้าลิงก์ไหนมี trend ที่น่าสนใจและเพิ่มขึ้นอย่างมันัยสำคัญ ก็จะปรากฎใน twitter side bar ใน twitter.com ด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างที่น่าสะพรึงในระหว่างการทดสอบระบบ real-time searching story ก็คือ ในวันที่ 30 มี ค ที่ผ่านมา ขณะที่วิศวกรของ twitter สองคนกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ twitter office ใน San Francisco เค้าทั้งสองคนสังเกตเห็น “trend” ของคำว่า “earthquake” อยู่ๆก็เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่พวกเค้ายังไม่รู้ว่าแผ่นดินไหวนั้นอยู่ที่ไหน หลายวินาทีต่อมา ออฟฟิศของ twitter ก็เริ่มสั่นเพราะแผ่นดินไหว ! และมารู้ภายหลังว่า แผ่นดินไหวนั้นเกิดที่ Morgan Hill ห่างจาก San Francisco ไป 100 กิโลเมตร
Facebook: จะมีแนวทางอะไรใหม่ใน f8 ?
ใน event f8 ครั้งแรก Mark Zuckerberg, CEO ของ facebook , ได้แนะนำยุคใหม่ของ web-based operating system ซึ่งถูกใจ developer จำนวนมากและได้สร้าง application มากมายในเวลาต่อมา จนกระทั่งถึงปัจจุบันช่วงเวลา”หวานชื่น”ได้ผ่านไปแล้ว และ developer เหล่านั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอแนวทางของ facebook ในงานนี้
facebook กับกระแสของ Twitter
ถึงแม้ว่าใน f8 ที่ผ่านมาหนึ่งปี facebook ได้สร้าง open platform มากขึ้น แต่กระแสของ twitter นั้นมาแรงมากจนทำให้คนที่ต้องการปฎิสัมพันธ์กันอย่างยิ่งยวด (eagerly anticipating) เกิดความสับสนได้, facebook นั้นยังไม่เคลียร์ว่าจะเปลี่ยนระบบของตัวเองไปเป็น web operating system ในอนาคตหรือไม่ แต่สิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็คือ architected social platform ที่สวยงามของ facebook นั้นต้องการ resource ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะรักษาอัตราการเติบโตไว้ ลองพิจารณาว่า facebook ต้องมี photo storage ใหญ่มากและ VDO platform ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว (สามารถ embed ไปที่เว็บอื่นๆได้แบบ youtube ด้วย) นอกจากนั้นยังมี facebook application อีกนับพันนับหมื่นที่จะต้อง ping ตัว facebook system อยู่ตลอดเวลาและแน่นอนว่ามันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งทำให้ facebook ต้องเพิ่มจำนวนทีมงานที่จะบริหารมัน บางทีการเปิดตัว Facebook?s core features อย่างต่อเนื่องน่าจะช่วยให้ facebook สามารถต่อกรกับ twitter ซึ่งมีความชัดเจนว่าจะทำตัวเป็น “real-time google” ได้
Mapping The Social Graph
ในขณะที่ twitter เน้นกลยุทธการ search แต่ facebook นั้นเน้นกลยุทธการ mapping social graph ของผู้ใช้ และเพื่อที่จะทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น facebook จึงให้บริการ free services จำนวนมาก และให้ระบบ feed ที่จะทำให้เราเข้าถึงเพื่อนๆเราแต่ละคนและเกิดการติดกระแสสังคมภายในได้ ผลของความฮิตของ twitter ทำให้ facebook จำเป็นต้องเปิด feeds มากขึ้นเพื่อที่เราจะสามารถเข้าถึงเพื่อนได้โดยปราศจาก filter บางอย่างแบบสมัยก่อน และยังสามารถที่จะเข้าถึง feed ได้ทุกเวลาทุกสถานที่รูปแบบ service ต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดการเร่ง friend feeds ให้เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นเน้นการ feeds ,facebook จึงได้เอา automated feed filter ที่เป็นจุดแข็งในสมัยก่อนออก และใส่แทนด้วย “highlights” tools ที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าแทน นี่มันไม่ใช่ core vision ที่ตั้งไว้ที่แรกนี่นา ??
อะไรน่าจะเป็น Next Big Move ของ facebook ?
facebook จำเป็นจะต้องแสดง surprise ให้กับ silicon valley เกี่ยวกับ product ใหม่ๆหรือ platform ใหม่ๆในงาน f8 ที่กำลงจะถึงเพื่อที่จะดึงกระแสtwitterไว้บ้าง ในปีที่แล้วงาน f8 นั้นมีในวันที่ 26 มิ ย ดังนั้นน่าจะเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนสำหรับการประกาศ แต่จนขณะนี้ก็ยงคิดไม่ออกว่าจะมีอะไรใหม่ครับ หรือคุณคิดว่าอย่างไร? จะมีอะไรดึงความสนใจจากกระแส twitter? หรือว่าจริงๆแล้ว twitter ไม่ได้มีผลอะไรกับ facebook เลยแต่เราคิดมากไปเอง 😛 เพราะ model ปัจจุบันของ facebook นั้นก็ทำเงินได้มากอยู่แล้ว
หมายเหตุ : Mark Zuckerberg CEO ของ facebook เกิดปี 1984 เป็นคนรวยที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับการบันทึกใน Forbes 400 โดยในปี 2008 มีทรัพย์สิน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
