Ford Focus 2.0 TDCi ฟอร์ด โฟกัส ตอนที่ 2 : เรื่องวุ่นๆก่อนจะรับรถ

Ford Focus 2.0 TDCi รวมโพสทั้งหมด

Ford Focus 2.0 TDCi ฟอร์ด โฟกัส ตอนที่ 1 : รถครอบครัวสำหรับ Geek
Ford Focus 2.0 TDCi ฟอร์ด โฟกัส ตอนที่ 2 : เรื่องวุ่นๆก่อนจะรับรถ
Ford Focus 2.0 TDCi ฟอร์ด โฟกัส ตอนที่ 3 : วันออกรถใหม่
Ford Focus 2.0 TDCi ฟอร์ด โฟกัส ตอนที่ 4 : ขึ้นเชียงใหม่

หลังจากที่ศึกษา Ford Focus 2.0 TDCi จนแน่ใจแล้วว่ารถคันนี้เจ๋งจริงและมีแนวโน้มซ่อมได้จริง ผมก็เปิดเน็ทหาศูนย์ที่ใกล้บ้านที่สุดที่น่าจะอยู่ย่านลาดพร้าวเพื่อที่จะไปไปซื้อรถเนื่องจากเชื่อว่า ถ้าซื้อศูนย์ใกล้บ้านแล้วไปรับบริการใกล้บ้านน่าจะได้บริการทีดีกว่า ( ซึ่งความจริงแล้วไม่เกี่ยวกันนะคร้าบบบ ) พอหาข้อมูลก็พบว่าฟอร์ดมีศูนย์อยู่ลาดพร้าวเช่นกัน โดยอยู่ปากซอยที่ร้อยกว่าๆ สมมติชื่อว่าศูนย์ A ครับ

ไปศูนย์ฟอร์ด จอง Focus 2.0 TDCi

จากนั้นก็ไปดูรถพบว่าศูนย์ A มีรถเพียงสองคันและไม่มีรุ่นที่ผมต้องการให้ลองและให้ดูด้วย ทางเซลล์อธิบายว่ารุ่นดังกล่าวเป็นรุ่นที่ขาดแคลนเนื่องจากมียอดจองจำนวนมากกว่ายอดที่ทางฟิลิปปินส์จะส่งมาที่ไทยได้ ( ฟอร์ดและมาสด้า ถ้าเป็นรถเก๋งจะผลิตที่ฟิลิปปินส์และลงเรือมาไทย ตามข้อตกลงด้านเขตการค้าเสรีอาเซียน ส่วนรถกระบะผลิตที่ไทยและส่งออกไปขายอาเซียนแทน ) โดยให้ดูรุ่นเบนซิล 2.0 ที่คล้ายกันแทนครับ แต่ยังไงก็ตามถึงแม้ไม่เคยลองรถก็ยังมั่นใจอยากได้อยู่ดี การตกแต่งภายในนั้นก็ดูหรูหรามีรสนิยมดีถึงแม้จะมีจุดอ่อนด้านพื้นที่หัวเข่าสำหรับคนขายาวอยู่บ้าง

เซลล์ซึ่งวันนั้นมีอยู่คนเดียวในศูนย์เป็นผู้หญิงชื่อคุณ F ก็เข้ามาบริการอย่างดีครับ มีการให้เบอร์ลูกค้าหลายคนที่เค้าเคยให้บริการและประทับใจ ตัวศูนย์ดูมีคนน้อยและถ้าเทียบกับศูนย์ฮอนด้าลาดพร้าวที่อยู่ตรงข้ามนั้นแตกต่างกันมากทีเดียว เพราะศูนย์ฮอนด้าทั้งคนเยอะทั้งใหญ่และทันสมัยแต่ศูนย์ฟอร์ดดูเก่านิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ เพราะศูนย์นี้คงจะใช้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องกับเช็คทั่วไปเท่านั้น ถ้าจะซ่อมใหญ่ก็คงจะไปที่ศูนย์พระรามสามที่ใน internet เล่าลือกันว่าช่างเก่งดี ข้อสังเกตก็คือลูกค้าที่มาซื้อรถลักษณะแบบนี้ (เช่น ฟอร์ดรุ่่นนี้และซูบารุ) ลูกค้าจะรู้สเป็ครถดีกว่าเซล์ลเสมอเพราะลูกค้าเป็น Geek นั่นเองครับ ลูกค้ารู้แม้กระทั่งชื่อบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญของรถเลยทีเดียวซึ่งแม้แต่ช่างบางคนยังไม่รู้เลย ผิดกับลูกค้าที่ไปซื้อโตโยต้านั้นเท่าที่ฟังจากเพื่อนที่เป็นเซล์ลก็คือคนที่อยากมีรถแต่ตัวเองไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับรถ รู้แต่โต้โยต้าน่าเชื่อถือดี เลยเจอเซล์ลโตโยต้า(ซึ่งไม่รู้อะไรเลยเรื่องรถเช่นกัน) ใช้อารมณ์ในการบรรยายจนลูกค้าเหล่านั้นกลัวไม่อยากไปซื้อรถอื่นและมักซื้อรุ่นท็อปที่มี ABS AirBag CSC ตัวอย่างการคุยเช่น

ลูกค้า ” ผมอยากเอารถแค่รุ่นเบสิคๆนี้น่ะครับ จะได้ประหยัดเงินหน่อย ”
เซลล์โตโยต้า ” อ้าว พี่ไม่ห่วงความปลอดภัยของครอบครัวห่วงลูกๆเหรอคะ พี่เพิ่มเงินอีกแค่แสนนึงได้ทั้งถุงลม ABS VSC BA ฯลฯ”
ดังนั้นลูกเมียที่ตามมาด้วยก็เกิดอาการอินและเชียร์ให้พ่อซื้อรุ่นท็อปในที่สุดทั้งๆที่พ่อก็เคยขับรถเก่าที่ไม่มีระบบอะไรซักอย่างมาเป็นสิบปีแล้ว เป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยมักซื้อโตโยต้ารุ่นท็อปกันมากกว่า 60%

วกกลับมาเรื่องเดิมครับ จากนั้นเซล์ลก็มาให้เราทำจองรถยนต์พร้อมทั้งเลือก Package ในการผ่อนซึ่งมีให้เลือกอัตราดอกเบี้ยสองแบบ โดยทุกครั้งเวลาต้องการเอกสารเซล์ลจะมาที่บ้านเสมอ ทำให้รู้สึกว่าบริการได้ Exclusive ดีครับ ตามประสารถยี่ห้อขายยากต้องง้อนั่นเอง

เซล์ลเข้ามาให้บริการที่บ้าน อันนี้เป็นการคุยเรื่องจองกับเรื่องคนค้ำประกันครับ
เซล์ลเข้ามาให้บริการที่บ้าน อันนี้เป็นการคุยเรื่องจองกับเรื่องคนค้ำประกันครับ

เซลล์ฟอร์ดและศูนย์ฟอร์ดทะเลาะและแย่งลูกค้ากัน ผมได้เปรียบทั้งสองฝ่ายเพราะได้ของแถม

ระยะเวลาการรอรถนั้นค่อนข้างนานแต่ผมเองก็ไม่รีบแต่อย่างไรเนื่องจากเคยทำงานที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนทำให้รู้ว่ารถที่ออกมาล็อตแรกๆนั้นมักจะมีข้อบกพร่องของชิ้นส่วนอยู่บ้างเป็นปกติ และเมื่อถูกรายงานจากการใช้งานหรือการเคลมของดีลเล่อร์ ทางโรงงานจึงรีบแก้ไขในรถล็อตต่อไป ผมรออยู่เดือนกว่าเซล์ลก็โทรมาบอกว่า ตัวเซล์ลเองได้ย้ายจากศูนย์ A ลาดพร้าวมาที่ศูนย์ B ที่ใหญ่กว่าเรียบร้อยแล้ว อยากให้ผมเตรียมเอกสารให้ใหม่อีกบางชุดเนื่องจากศูนย์ B น่าจะให้บริการได้ดีกว่า พอวางสายไปไม่กี่นาที ผู้จัดการศูนย์ลาดพร้าวก็โทรเข้ามาบอกว่าทางผมไม่ควรไปเชื่อเซล์ลคนนี้แล้ว เพราะเซล์ลคนนี้ทุจริต ให้ดีลตรงกับศูนย์ A ก็ได้ ขอให้เข้ามาที่ศูนย์ศูนย์จะชี้แจงให้เอง ?!?!
ผมเองรับโทรศัพท์อีกหลายครั้งทั้งจากเซลล์และจากศูนย์ได้ความสรุปว่า เซล์ลนั้นอาจถูกให้ออกหรือบีบออกเพราะมีปัญหากับศูนย์ A ทำให้เกิดการดึงลูกค้ากันระหว่างเซล์ลกับศูนย์ A นั่นเองครับ ทางศูนย์อ้างว่าเซล์ลไม่รับผิดชอบลูกค้าบางอย่างและไม่แจ้งลูกค้าถึงเงินสนับสนุนการขายที่ลูกค้าน่าจะได้คืน ในขณะที่เซล์ลบอกว่าปัญหาเกิดจากศูนย์ A นั้นเล็กและไม่มีอำนาจการซื้อรถจาก Ford ( ซึ่งเป็นการซื้อเงินสด ! ) มาโชว์และขายได้เพียงพอ ทำให้ Ford ให้ Priority ไปส่งรถกับดำเนินเรื่องกับศูนย์ B ซึ่งใหญ่ทุนหนากว่าก่อน และบางครั้งศูนย์ A ต้องปล่อยรถลูกค้าไปโดยที่สมุดคู่มือต่างๆยังไม่พร้อมเพราะลูกค้ารีบ พอรถมีปัญหาเลยเข้ามาเคลมไม่ได้ทำให้เซลล์มีปัญหาและถูกโยนความผิดมาให้

กรณี Business Module กับผลกระทบของ Brand

ผมเลยลองมานั่งคิดระบบบริหารของดีลเล่อร์ Ford ดู พบว่าศูนย์เล็กจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อใช้เงินน้อย, Commit ลูกค้าเยอะๆและ Stock รถ Ford ให้น้อยที่สุดโดยอาจจะได้เปรียบในเรื่องต้นทุนของทำเลที่ค่อนข้างอยู่ในเมืองแทนผิดกับศูนย์ใหญ่ๆที่อยู่ไกลๆนอกเมือง การที่มีคนน้อยเพื่อลดต้นทุนทำให้เกิด Line Authority ที่ซ้ำซ้อนกันบ้าง เมื่อเกิดปัญหาที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นความบกพร่องจากการไม่ทำตาม Job Description ของหน่วยไหนก็ตามก็จะเกิดการผลักภาระและเกิดปัญหาในที่สุด ( นี่เป็นสาเหตให้เกิดปัญหาในอดีตเกี่ยวกับเรื่องการทุบรถเช่นกันครับ เพราะเมื่อรถมีปัญหา ทางโรงงานก็โทษว่าดีลเล่อร์รับรถไปแล้ว ตรวจคุณภาพไปแล้ว ไปทำอะไรกับตัวรถหรือเปล่า? (เช่นติด Option ไม่ถูกวิธี เปลี่ยนล้อไซท์ผิด พ่นกันสนิมไม่ถูกวิธี ) ดีลเลอร์ก็โทษผู้ผลิตรถว่าทำรถมาคุณภาพไม่ดีขอคืนๆละกันไม่งั้นลูกค้าวีน แต่ลูกค้าที่วีนไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น เห็นดีลเลอร์ โรงงาน และ Brand เป็นเนื้อเดียวกันหมด

ส่วนระบบบริหารของบริษัทที่เริ่มมีปัญหาทางเศรษฐกิจเช่นกลุ่มผู้ผลิตรถอเมริกันรวมทั้งฟอร์ดด้วย หรือแม้กระทั่งระบบบริหารสมัยใหม่นั้นจะต้องแยก Business Module แต่ละหน่วยงานกัน เพื่อพยายามเพิ่มประสิทธิภาพในฐานะทุกๆ Module ให้เป็นบริษัทย่อยและต้องเลี้ยงตัวเองได้ ระบบนี้ก็ยังมีข้อเสียตรง “การไม่เป็นเนื้อเดียวกัน” นี่เองครับ เพราะต่างคนต้องทำให้ตัวเองรอดให้ได้ ทิศทางของบริษัทจึงอาจไม่ไปด้วยกัน เปรียบเทียบกับคนในศูนย์โตโยต้านั้นอาจจะมีความเป็นคนของโต้โยต้ามากกว่าคนฟอร์ดเพราะบริษัทโตโยต้ามีส่วนการควบคุมในศูนย์ทุกศูนย์อยู่มาก แต่คนในศูนย์ฟอร์ดอาจจะรู้สึกก้ำกึ่งว่าเค้าเป็นคนของศูนย์ A หรือคนของ Ford กันแน่ สรุปคือสำหรับ Issue นี้โมเดลธุรกิจช่วยให้ธุรกิจทั้ง Line อยู่รอดได้แต่สิ่งที่กระทบมากที่สุดนั่นคือ Brand ตัวใหญ่นั่นเองครับซึ่งต้องมาหาวิธีควบคุมกันอีกที

ทางไทเกอร์ไอเดียเคยได้รับการทาบทามให้ทำเว็บจาก Ogilvy ทั้งที่ Ogilvy นั้นมีหน่วยงานทำเว็บและMedia อยู่แล้ว เมื่อสอบถามได้ความว่าหน่วยทำเว็บของ Ogilvy นั้นมีต้นทุนการทำเว็บแพงเกินไปฝ่ายขายขายลูกค้าลำบากเลยไปจ้าง Vender ข้างนอกทำดีกว่า นี่คือตัวอย่างของระบบการบริหารแบบแยก Module นั่นเองครับ

เมื่อคิดได้ดังนี้ในฐานะลูกค้าอย่างผมก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองประกอบกับทางเซล์ลอธิบายดูมีเหตุผลตรงกับความคิดผมมากกว่า ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนศูนย์ A เป็นศูนย์ B ในการออกรถตามเซล์ลครับ แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าใครผิดใครถูก อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ได้เสียเวลามากเกินไปและไม่ได้ยุ่งยากมาก และได้ประโยชน์ตรงผมมีอำนาจในการต่อรองของแถมกับทั้งสองฝ่ายมากขึ้น 🙂 แถมยังได้รถเร็วขึ้นด้วยเนื่องศูนย์ใหม่พยายามดึงผมให้มาออกรถให้ได้ดัวยการตัดรถให้ผมเร็วที่สุดนั้นเองครับ

ศูนย์ใหม่รีบบอกให้ผมมาดูรถทันที รถลงจากเรือมาแล้ว ผมก็มาดูที่ศูนย์ฟอร์ดใหญ่ย่านรัตนาธิเบตรครับ พบว่ารถใหม่ทุกคันถูกจอดกลางแดดกลางฝนเช่นเดียวกับยี่ห้ออื่นๆส่วนใหญ่ แต่ยังไงก็ยังดีที่มีผ้าใบโปร่งลดความแรงแสงแดดได้บ้าง เป็นการกดดันว่าถ้าผมไม่รับรถหรือจ่ายเงินดาวน์ซะทีรถจะถูกตากแดดตากฝนต่อไปนะพวก 😛

Focus TDCi ของผมจอดตากฝนอยู่ เห็นแล้วบางคนอาจทำใจไม่ได้ว่านี่รถใหม่ของตรูนะเฟร้ย
Focus TDCi ของผมจอดตากฝนอยู่ เห็นแล้วบางคนอาจทำใจไม่ได้ว่านี่รถใหม่ของตรูนะเฟร้ย
ส่วนผมเองเลยให้เซลล์แถมผ้าคลุมรถเอามาคลุมรถทีหลังสบายไป
ส่วนผมเองเลยให้เซลล์แถมผ้าคลุมรถเอามาคลุมรถทีหลังสบายไป
แต่การจอดตากแดดตากฝนในวงการรถยนต์ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่การจอดตากแดดตากฝนในวงการรถยนต์ถือเป็นเรื่องปกติ
รถคันใหม่ทุกๆคันถูกจอดตากแดดตากฝนกันอย่างเท่าเทียม
รถคันใหม่ทุกๆคันถูกจอดตากแดดตากฝนกันอย่างเท่าเทียม
หมายเลขรถ
หมายเลขรถ

จากประสบการณ์ของผม รถใหม่ส่วนใหญ่เมื่อผลิตเสร็จดีลเลอร์รับมาจะถูกจอดตากแดดตากฝนในลานจอดเป็นปกติครับ เพื่อเช็คความผิดปกติบางอย่างเช่นน้ำเข้า ถ้าพบก่อนดีลเล่อร์จะสามารถเอาไปเคลมโรงงานได้ น่าขำที่พอลูกค้าได้ซื้อรถมาเจ้าของรถแต่ละคนประคบประหงมรถตัวเองกันสุดชีวิต บางคนช่วงแรกไม่ยอมขับเร็วเพราะเห็นว่าอยู่ช่วงรัน-อินกลัวจะสึกหรอ หารู้ไม่ว่าคนที่โรงงานรถประกอบเสร็จก็เหยียบคันเร่งกันมิดเพื่อมาเข้าลานจอดต่างๆกันอย่างไม่ปราณี ทั้งลานจอดโรงงาน,ลานจอดท่าเรือ,ลานจอดดีลเลอร์ รถกระบะใหม่กิ๊กบางยี่ห้อที่ผมเคยเห็นนั้นถึงขั้นดริฟเข้าจอดทีเดียวสิบคันอย่างสวยงามเพราะพนักงานรีบทำเวลาในการย้ายรถถึงพันคัน !

ติดตามตอนต่อไปนะครับ เพราะผมไปรับรถ focus TDCi ใหม่แล้วว