จำนวน follower ต่อความสัมพันธ์ด้านสังคมของผู้ใช้ twitter

twitter นั้นสอนให้เรารู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสังคมเป็นอย่างดีครับ ถึงแม้ว่าคอนเซ็ปของมันจะเป็น Micro Blog แต่เราก็ยังเห็นคนใช้มันเพื่อตอบโต้กันอยู่ดี กุญแจที่สำคัญของ twitter ต่อด้านสังคมในระยะนี้คือจำนวน follower นั่นเอง ถ้าเราเป็นคนเล่น twitter ที่จริงจังย่อมจะเคยผ่าน stage ต่างๆในสังคมมาอย่างนี้ครับ

following-follower ของ iMenn
following-follower ของ @iMenn

จากภาพจะเห็นว่า twitter บอกจำนวน following follower และใหม่ล่าสุดคือ listed ไว้ด้านขวาของหน้าผู้ใช้

  • following คือจำนวนคนที่เราไป follow เพื่อดูข่าวสารจากเค้าอยู่ (เรากำหนดได้ว่าจะติดตามคนมากเท่าไหร่)
  • followers คือคนที่สนใจติดตามเราอยู่ (กำหนดไม่ได้ขึ้นกับความน่าสนใจของเรา หรือความใหม่ความเก่าของเรา branding ของเรา ความมีตัวตนชัดเจนของเรา สาระในการทวีตที่ถูกใจหรือไม่ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย ฯลฯ)
  • listed จำนวน categories ประเภทของความน่าสนใจของตัวเราที่มีคนอื่นแบ่งไว้ (อันนี้ไว้อธิบายในโพสต่อๆไป)

ด้านการใช้ภาษาและมุมมอง ความสุดโต่ง ( Geek become Mass )

– follower หลักสิบ

จะไม่ระมัดระวังในการใช้ภาษา บางทีด่าคนอื่นหรือใช้คำหยาบไปเต็มๆเช่น “แม่ง” “เหี้ย” “ขี้” หรืออื่นๆ ฯลฯ เวลาพูดอะไรก็ไม่ได้ใช้ความคิดมากมายและไม่คำนึงถึงผลกระทบ อาจด่ารัฐบาลหรือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลหรือเจ้านาย,ลูกน้อง,แฟน,หรือคนที่พยายามมาจีบตนเองแบบไร้เหตุผล

– follower หลักร้อย

จะระมัดระวังและพูดกับคนอื่นแบบเริ่มมีมายาคติบ้าง (การพูดที่ทำให้ตนเองดูดี) หรือบางคนก็อาจตรงไปตรงมาครับ จากที่เคยใช้คำหยาบแบบสุดโต่งก็จะลดลงเป็นสุภาพเพราะคงเคยกระทบกระทั่งกันมาบ้างแล้ว แต่ที่เคยเชียร์อะไรชอบอะไรก็มักจะเชียร์เหมือนเดิมชอบเหมือนเดิมอยู่นะ

– follower หลักพัน

จะเริ่มเป็นกลางมากขึ้นพูดอะไรก็ไม่ค่อยมันส์เหมือนเดิมเพราะว่าพูดอะไรแรงๆแล้วจะได้รับผลกระทบมากมาย mention เริ่มเยอะ เลิกด่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแบบแรงๆไปเลย (ถ้าอยากด่าบางทีต้องหาจังหวะคนน้อยๆเช่นห้าทุ่มขึ้นไป) ใช้ถ้อยคำสุภาพเหมือนปัญญาชนพูดกัน มีเหตุผลตลอด เริ่มมีการพูดเพื่อหวังผลอะไรบ้างบางครั้ง

– follower หลายพันขึ้นไป

รู้สึกว่าตนเองมี fanclub ไม่อยากทำร้ายน้ำใจคนเหล่านั้น จึงเป็นกลางสุดๆ แทบไม่พูดเรื่องการเมือง (ยกเว้นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงนะ) หมั่นให้คำคมสม่ำเสมอ มีกลยุทธในการ tweet และมีจุดมุ่งหมายในการผลักดัน # ต่างๆชัดเจน ไม่เชียร์หรือด่าว่าใครพรำ่เพรื่อ พูดจาเชิงบวกแทบจะตลอดเวลา ข้อมูลที่จะพูดออกไปต้องแน่ใจว่าเป็นความจริง ไม่ RT ข่าวลือพร่ำเพรื่อ เริ่มรักษาภาพที่ตนเองอยากให้เป็นและ tweet ไปในทิศทางนั้นๆ ( ทำให้เกิด Brand Awareness )

สำหรับด้านมุมมองนี่สามารถตอบโพสเรื่อง โศกนาฏกรรมของ Geek และจุดจบของสาวก ได้อีกทางหนึ่ง

ด้านสังคม การตอบกลับและ Reaction ต่อคน

– follower หลักสิบ

โดยมากเป็นผู้ที่ยังเล่นไม่จริงจัง บางครั้งอาจใช้ # ไม่เป็นหรือไม่ได้เช็ค mention เพราะนานๆทีจะมีคนมาตอบนั่นเองครับ มีความว่องไวต่อกระแสสังคมต่ำ โดยมากถ้าอยู่สเตจนี้นานๆจะไม่เห็น value ของ twitter เลยและมักจะเลิกเล่นไปในเวลาไม่นานถึงกว่า 60%ดังนั้นถ้าอยากผ่าน stage นี้ควร follow คนซักหลักร้อยและหมั่นไปทำความรู้จักหรือกินข้าวหรือไปฟัง iHearband ที่ wawee 😛 กับ tweeple รายอื่นเพื่อทำความรู้จักและเกิดการ follow คุยกัน

– follower หลักร้อย

มีความว่องไวต่อกระแสสังคมสูงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างและควรทำอะไรบ้าง ชอบคุยตอบโต้กับผู้ที่คิดเห็นเหมือนกันบางทีเสริมกันด้วยครับ การ reaction ต่อคนรวดเร็วมาก มีการโต้ตอบกับคนอื่นมากขึ้น RT มากขึ้น ตอบแทบทุก mention เพราะตั้งหน้าตั้งตารออยู่เลย (เริ่มติด twitter) ศึกษาฟังก์ชั่นต่างๆของ twitter เพิ่มขึ้นและเริ่ม mention คนทีละหลายๆคนเพราะคาดว่าจะได้ mention กลับคืนมาบ้างนั่นเอง

– follower หลักพัน

การพูดกันมักมีการ mention tweeple ด้วยกันซะเป็นส่วนใหญ่ ใน timeline มีความว่องไวต่อกระแสสังคมสูงสุดทีเดียว ช่วงนี้จะมีความตื่นเต้นกับ twitter มากครับเพราะเริ่มรู้สึกว่าตนเองเริ่มมีพลัง บางคนติดงอมแงมเลยทีเดียวเพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปนั้นมีผลกระทบอะไรบ้างนั่นเอง เริ่มมีการชมกันหรือรวมผู้ที่ชื่นชอบอะไรคล้ายๆกันมาเป็นกลุ่มพลัง เริ่มมีการระดมความคิดและระดมพลัง RT ได้ สามารถทำการใหญ่ได้ถ้ามีผู้ที่ follower หลายพันขึ้นไปคนอื่นเห็นดีด้วย เริ่มเป็นผู้ชี้ขาดได้บนความรับผิดชอบที่สูงขึ้น

– follower หลายพันขึ้นไป

มีการเลือกระดับคนในการตอบ เช่น follower ใหม่ๆที่ไม่เคยเจอกันอาจจะไม่ตอบ เนื่องจากลำพัง mention มาที่ตัวคนๆนั้นเองก็เป็นร้อยอยู่แล้ว ความว่องไวต่อกระแสสังคมจะลดลงเพราะว่าไม่สามารถเช็คกระแสได้ทัน บางครั้งแค่เช็ค RT หรือ Mention ตนเองก็แทบไม่ได้ดูอย่างอื่นแล้วครับ ยกตัวอย่างเช่นแค่วันเกิดตนเองอาจมีคน HappyBirthday ถึงกว่า 500 คน ดังนั้นการไล่ขอบคุณอย่างเดียวอาจใช้เวลาถึงครึ่งวันด้วยกัน ! แน่นอนว่าหลุดกระแสบางอย่างแน่ๆครับ ในด้าน Branding นั้นคนระดับนี้เป็นผู้กำหนด Trend ทีเดียว

แม้ว่าผมจะยังไม่มี follower เป็นพันแต่ที่ผมเข้าใจเพราะผมเคยถูก Bomb RT Happy Birthday ไปครั้งหนึ่งครับด้วยจำนวนคนหลายร้อย (ไม่แน่ใจว่าใครวางแผน แต่บล็อกนั้นคัดมาเฉพาะคนที่ HBD ตอนเที่ยงคืนเท่านั้น! ) ด้วยความดีใจ+ตื้นตันจึงพยายามไล่ตอบขอบคุณพบว่าใช้เวลาเยอะมากกว่า 3 ชั่วโมง พอมาตอนหลังก็มี mention งอนจากคนที่ผมหลุดไม่ได้ตอบไปด้วย และในวันนั้นเนื่องจากผมใช้สมาธิอยู่แต่กับกระแส mention ของตัวผมเองจึงไม่รู้เลยว่าวันนั้นมีการ tweet อำลา @sassygirl_jane ไปเรียนต่างประเทศอยู่ มันทำให้ผมเข้าใจคนที่มี follower มากๆทันทีว่าการตอบทุกๆคนหรือแม้แต่การจะเห็นครบทุก mention ก็เป็นไปได้ยากเสียแล้วครับ เราจึงไม่ควรคาดหวังว่าคนดังๆที่เรา mention ไปจะตอบมานั่นเองครับ ผมเคยถูก @thaksinlive ตอบเลยค่อนข้างประหลาดใจ เพราะคน mention ถึงเค้าน่าจะเป็นหลักพันกันทีเดียว ลองคิดดูว่าถ้าเราได้รับเมล์ 1,000 ฉบับต่อวันเราคงมีทางเลือกที่จะพยายามตอบ (แต่ก็ตอบไม่หมดแน่นอน) หรือไม่ก็เลิกตอบเมล์ไปเลยก็เป็นไปได้ครับ และสำหรับในด้านเทคนิคผู้ที่ใช้ twitter ทางโทรศัพท์เมื่อมี mention เยอะๆจะประสบปัญหาโทรศัทพ์โหลด mention มาไม่ครบด้วยก็มีนะครับ ทำให้บางครั้งเราเพิ่งเห็น mention สำคัญๆที่ต้องการคำตอบในภายหลังและสายไปแล้วนั่นเอง

ลักษณะ tweeple ที่สังเกตได้จาก twitter

– จำนวน following มากกว่า follower เยอะๆ

ถ้าจำนวน following มากกว่า follower เยอะๆอาจเป็นผู้เล่น twitter รายใหม่ๆที่อยากให้มีคนมา follow กลับมากครับ บางครั้งเป็นเด็กๆหรืออาจเป็นคนที่ไม่ค่อยออกงานสังคมเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีปฎิสัมพันธ์กับคนใน twitter เท่าไหร่

– จำนวน following เท่าๆกับจำนวน follower

ผู้ที่ จำนวน following เท่าๆกับจำนวน follower จะเป็นผู้ที่เล่นและเอาจริงเอาจังกับ twitter ตัวจริง มีการพยายามปฎิสัมพันธ์กับผู้ใช้ twitter รายอื่นๆ หากคนธรรมดาที่ไม่ใช่ Celebrity หรือไม่ใช่ดาราต้องการมี follower เยอะๆมากเป็นหลักหลายพันบางครั้งก็ต้องรักษาระดับ following ให้เท่าๆกับจำนวน follower เหมือนกันครับ เพราะจำนวน follower นั้นมาจากสองส่วนคือ

1. Follower ที่ follow เราเพราะสนใจเราจริงๆและอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเรา ซึ่งอาจจะมีอยู่หลักร้อย-พัน
2. Follower ที่ follow เราด้วยหวังทางจิตวิทยาว่าเราจะ follow กลับนั่นเอง อันนี้มีเยอะขึ้นเรื่อยๆไม่จำกัด

ดังนั้น Follower ในข้อสองส่วนใหญ่จะรู้ว่าเราจะ follow กลับหรือไม่บางทีพวกนี้อาศัยดูตามอัตราส่วน following=follower ด้วยนั่นเองครับ เช่น @modeling22 ที่มี follower เยอะที่สุดในประเทศไทยนั้นเมื่อเราดูอัตราส่วนจะรู้เลยว่าเค้าต้อง follow เรากลับแน่นอน

– จำนวน following น้อยกว่า follower เยอะๆ

คนเหล่านี้เป็น Celebrity ,ดารานักร้อง นักการเมืองหรือผู้ที่มีชื่อเสียงทางสังคมอยู่แล้วครับ เค้าจะไม่มีเวลาที่จะอ่าน trend มากดังนั้นจึงไม่ follow ใครมาก ลำพังการที่คนเหล่านี้พูดอะไรออกมาซักประโยคหรือถามอะไรออกมาก็จะได้รับคำตอบเป็นร้อยเป็นพันคำตอบเสมอดังนั้นแค่การเช็ค mention ก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มากสำหรับคนๆนี้แล้ว อีกด้านหนึ่งการ follow ใครก็มักจะต้องพิจารณา Branding ของเค้าเองด้วยว่าไม่เกิด Conflict of interested ส่วนจำนวน follower ก็ค่อนข้างเป็นการวัดความนิยมของคนๆนี้ในเชิง Pop,เชิง Mass (ไม่ใช่เชิงลึก,ความสามารถหรือนักวิชาการเฉพาะด้านนะครับ คนเก่งแต่ไม่ต้องการออกสู่สังคมก็มีเช่นกัน)

follower :สรุป

ถ้าวัดด้านสังคม จำนวน follower ก็เป็นเพียงมายานะครับ เพราะเป็นตัวชี้วัดเพียงความ Pop, Mass ในแนวกว้างเท่านั้น ไม่ใช่แนวลึก จึงควรดูมากกว่าว่าใครกันที่สนใจเราอยู่ คนๆนั้นเป็นคนใน field ไหนกันแน่ และถ้าข้อความไหนของเราเป็นประโยชน์แก่คนอื่นจริงๆก็มักจะมีคน RT อยู่แล้ว 🙂 แต่ถ้าเป็นด้าน mass marketing ล่ะก็ มีผลแน่นอนครับเพราะเราสามารถสร้าง trend ได้จริงๆครับ

อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ผู้ที่พยายาม boost follower ด้วยการทำวิธีแบบ “จำนวน following เท่ากับจำนวน follower” เกิดมีเยอะขึ้นอาจเกิดการเฟ้อของจำนวน follower ก็เป็นไปได้ครับซึ่ง twitter จึงได้จัดระบบ listed ขึ้นมาเพื่อวัดระดับกลุ่มความน่าสนใจของบุคคลนั่นเอง ตัวนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าคนๆนั้นมีความน่าสนใจด้วยตัวเองในเรื่องใดหรือไม่ซึ่งผมจะได้พูดในโพสต่อๆไปครับ 😀