ถึงแม้จะช้าไปหน่อยและดองมานานเป็นปี ( @markpeak รีวิวไว้ตั้งแต่ปี 2010 ) ผมก็คิดว่าหลายๆคนคงยังไม่มีโอกาสได้นั่งเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง A380 และบางคนอาจจะลืมไปแล้วว่ารุ่นไหนใหญ่สุดหว่า แล้วมีวิธีไหนล่ะที่จะได้นั่ง A380 จาก กทม. ด้วยรูทที่ถูกที่สุด คำตอบคือมีเพียงสายการบิน Emirates ครับที่มีเครื่องรุ่นนี้ให้บริการที่สุวรรณภูมิ และตอนนี้เท่าที่รู้ก็มี Korean Air
ตัวผมเคยดูสารคดีถึงความยากลำบากในการสร้างเครื่องบิน Airbus A380 ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน มีราคาประมาณ 20,400 ล้านบาท! (โค่นแชมป์เก่าคือ Boeing 747 ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1970 จากการสนับสนุนโดย United States Air Force) และในระหว่างการพัฒนาเกือบทำให้บริษัท AirBus เจ๊งกันเลยทีเดียว เมื่อมีโอกาสก็อยากจะลองนั่งดูบ้างครับ ทีนี้วิธีไหนที่จะทำให้ได้นั่งเครื่องบินนี้ในราคาที่ถูกที่สุดล่ะ?
นั่ง A380 ไปฮ่องกง ด้วย Emirates คือทางเลือกที่ถูกที่สุด
บังเอิญน้องสาวได้ไปฮ่องกง เลยขอติดไปด้วยครับ ซึ่ง Emirates ก็เป็นทางเลือกที่ดีและถือว่าค่อนข้างถูกเกือบที่สุดในสายการบินที่ไปฮ่องกง ส่วนน้องสาวต้องไปสายการบิน Royal Jordan แทนเพราะเลิกงานมาไม่ทัน และ Royal Jordan นั้นถูกกว่าแต่ก็ไม่กี่บาทครับ (ประมาณ 300บาท) แต่การไปฮ่องกงที่ถูกที่สุดในปัจจุบันคงเป็น AirAsia ช่วงมีโปรโมชั่นมากกว่า
สำหรับตั๋วที่จองได้ อยู่ในราคา 8700 บาทไปกลับฮ่องกงครับ ถือว่าสมเหตสมผลดีครับ
ต้อนรับที่ Gate E8 เกทเดียวที่รับเครื่องบินขนาดใหญ่เท่านี้ได้
เนื่องจากเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่มาก การ line คนเข้าก็จะมีการเรียกหลายรอบหน่อยครับ Emirates ใช้วิธีเรียกเป็น Zone ของที่นั่งเช่น Zone E , F เป็นต้น
ใช้งวงช้างตั้งสามอัน มีอันนึงตรงไป Business Class ที่ชั้นสองเลยด้วยครับ
เรียกเข้าเครื่องเป็นโซนๆ เนื่องจากผู้โดยสารเยอะ
มีชั้นหนังสือให้เลือกหยิบตามสบาย มีหนังสือดีๆแพงๆด้วยนะครับ
งวงช้างที่ไปเข้าเครื่องก็ไม่เหมือนงวงทั่วไปด้วย ประตูเครื่องค่อนข้างใหญ่ทีเดียว กว่าจะเข้าเครื่องได้หมดก็ใช้เวลาพอสมควร และกว่าจะออกจากหลุมจอดได้ก็ใช้เวลานานกว่าเครื่องบินทั่วไปด้วยเหมือนกันครับ อาจเป็นเพราะไทยยังไม่ค่อยชินหรือไม่มี Procedure ที่รวดเร็วสำหรับเครื่องบินลำใหญ่ขนาดนี้ เช่นการบรรจุสัมภาระและการบรรจุ catering น้องสาวผมที่มาทีหลังในสายการบิน Royal Jordan (ด้วยเครื่องบิน AirBus A330 ปกติที่นิยมใช้กัน) บอกว่าตามหลังรอ Taxi ลำผมมาติดๆเลยทั้งที่เวลาขึ้นเครื่องช้ากว่ากันเป็นชั่วโมง และยัง Landing ห่างกันด้วยเวลาไม่นานด้วยครับ
ภายในของ A380
เข้ามาก็เจอบันไดนี้ แสดงความเป็นสองชั้นของเครื่องบิน A380
แอร์โฮสเตสทักทายและบอกทางเดินตามปกติ
ผังที่นั่งชั้นประหยัดของ A380 ครับ แบ่งเป็น 3 – 4 – 3 แถวนึงมีสิบคนพอดีเท่ากับ Boeing 747 แต่ที่นั่งนั้นดูกว้างขวางนั่งสบายกว่า 747 และบริเวณที่นั่งที่ติดกับหน้าต่างยังมีช่องว่างกระหว่างที่นั่งกับหน้าต่างเหลืออีกด้วยครับ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบเพราะไม่มีที่เอียงพิงหัว ส่วนถ้าเป็นเครื่องบินอย่าง Boeing 777 ที่ผมเคยนั่งจะเป็น 3-3-3 หรือ AirBus A330,340 จะเป็น 2-4-2 แล้วแต่การจัดวาง
ผังที่นั่ง A380 Emirates
ผังที่นั่งของ A380 Emirates ครับ สีเขียวคือที่นั่งแนะนำจากเว็บ http://www.seatguru.com/ ซึ่งเป็นเว็บที่ใช้เช็คผังที่นั่งของสายการบินทั่วโลกและผมใช้บ่อยๆก่อนเดินทาง จะเห็นว่าถ้าอยากนั่งที่นั่งคู่ มีให้เลือกเพียง 4 คู่เท่านั้นและเป็นที่นั่งแนะนำเสียด้วยครับ คือแถว 60 BC, HJ และแถว 80 BC,HJ
ผังที่นั่งจะโชว์ที่นั่งชั้นล่าง Lower deck และชั้นบน Upper deck ซึ่งเป็นที่นั่ง business และ first class ตามลำดับ
ปัญหาคือปีกของเครื่องบินนั้นใหญ่มากๆ โคนปีกของ A380 นั้นใหญ่กว่าสนามเทนนิสอีกนะครับ ดังนั้นที่นั่งกลางๆเครื่องจะโดนปีกเครื่องบินบังทัศนีภาพเบื้องล่างทั้งหมด ผมเลือกที่นั่งแถว 65 นี่บังมิดกันเลยทีเดียวตามรูป แต่ขากลับนั้นเลือกที่นั่งด้านหลังเลย เว็บไซต์ของ Emirates นั้นสามารถเลือกที่นั่งได้ง่ายดายแม้หลังการซื้อตั๋วแล้วและ Work ดีครับ
ดังนั้นถ้าอยากจะมองวิวเบื้องล่างบ้าง แนะนำให้เลือกที่นั่งแถว 43-50 หรือไม่ก็ 80-88 ไปเลยจะชัวร์กว่าครับ ถ้านั่งหลังๆจะได้เห็นเครื่องยนต์มหึมาที่ดูแล้วน่าแปลกใจว่ามันสามารถลอยขึ้นไปบนฟ้าได้ยังไงกัน? ส่วนปีกเคร่ื่องบินขณะยังไม่บินจะโค้งงอลงด้วยน้ำหนักทำให้มองไม่เห็นปลายปีกจากภายในเครื่องบิน แต่เมื่อบินขึ้นไปแล้วจะปลายปีกจะแอ่นขึ้นมาให้เห็นกัน ดูๆแล้วยืดหยุ่นได้เหมือนสิ่งมีชีวิตดีครับ
in flight กับ A380 Emirates
เครื่องบินขณะกำลัง Take off ให้บรรยากาศเหมือนเรือมากกว่าครับ มันค่อนข้างนุ่มนวล เงียบกว่าเครื่องอื่นๆ และมีความรู้สึกว่ามีคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมเยอะ นอกจากนั้นยังมีกล้องจากหลายมุมมองให้เลือกชมวิวภายนอกเครื่องกัน
ใช้ Glympse วัดความเร็วเครื่องบินตอน take off และตอนบิน
สิ่งที่แปลกอีกอย่างคือ แอร์โฮสเตสไม่ห้ามผมใช้มือถือแฮะ และไม่มีประกาศให้ปิด electronic devices ด้วย ? อาจเป็นเพราะสายการบินกำลังจะมี Wifi ให้บริการบนเครื่องในอีกไม่ช้า (ตอนนี้มัสํญญาณ Wifi แล้วแต่ยังใช้ไม่ได้ ) ผมเลยมีโอกาสได้ลองใช้ App ชื่อ Glympse ลองวัดความเร็วเครื่องบินดู พบว่า DTAC 3G มันขึ้นไปบนฟ้าได้ระยะหนึ่งเลยเช่นกัน
A380 กลับตัวและกำลังเร่งเครื่องจาก take off จากสนามบินสุวรรณภูมิ ความเร็วตอนนี้ 229km/h
ความเร็วขณะเครื่องกำลังเชิดหัวขึ้น วัดได้ประมาณช่วง 280 km/h ครับ
อันนี้เครื่องบินบินอยู่บนฟ้าแล้วที่ความเร็ว 452 km/h พอถึงความเร็วช่วงประมาณ 500 km/h เป็นความเร็วสุดท้ายก่อนสัญญาณ DTAC จะหายไป
เสริฟอาหารบน A380
รถเสิริฟอาหารคันใหญ่กว่าของเครื่องบินลำอื่นๆ และทางเดินก็กว้างกว่าด้วยครับ แอร์ช่วยกันหลายคนเลย
เสริฟอาหารกันแบบตั้งใจมาก เพราะเครื่องใหญ่ ต้องช่วยกันหลายคน
ขณะกำลังเสริฟอาหารครับ
ถาดรองอาหารและโน้ตบุคใน A380 เป็นแบบสองพับ ออกแบบมาฉลาดและใหญ่ดี
อาหารใน A380 ใช้ได้ครับ
Sticker แสดงสถานะของ emirates เราสามารถบอกได้ว่าจะนอน อย่าปลุก ได้ด้วยนะ
ปลั๊กไฟ และ entertainment บนเครื่อง
จอบนเครื่องใหญ่กว่าสายการบินอื่นๆด้วยเช่นกัน มีเกมส์และหนังอยู่พอสมควร และยังมีเกมส์ที่เป็น multi player คือดวลกับผู้โดยสารคนอื่นบนเครื่องได้ด้วยนะครับ แต่ผมไม่ได้มากับน้องสาวเลยไม่ได้ลองเล่นกัน และมีรู USB กับปลั๊กไฟพร้อม เรียกว่าทำงานกันสบายเลยทีเดียวนะ
A380 มีให้ทั้งรู USB และปลัํกไฟประจำทุกๆที่นั่ง เรียกว่านั่งทำงานกันสบายเลยครับ และกำลังจะมี Wifi ในไม่ช้านี้ด้วย
A380 มีโทรศัพท์ทุกที่นั่งเลยนะครับ สามารถรูดการ์ดปรื๊ดแล้วโทรจากบนฟ้าได้ทันที SMS $1 ส่วนค่าโทรนาทีละ $5 ว่าแต่ถ้ามี Wifi แล้วจะทำยังไงกับรายได้ตรงนี้หว่า? หรือค่า Wifi อาจจะไม่ฟรีก็ได้
ระบบไฟส่องสว่างบนเครื่องเป็น LED เปลี่ยนสีได้ครับ อย่างอันนี้ตอนเครื่องลงเป็นสีออกแดงๆคล้ายๆพระอาทิตย์ตก
ห้องน้ำใน A380
ส้วมใน A380 ลายไม้สวยเชียว
อ่างล้างมือ กดเลือกน้ำอุ่นน้ำเย็นได้ครับ ห้องน้ำใหญ่กว่าเครื่องบินอื่นนะ
เกี่ยวกับ AirBus A380
เครื่องบิน A380 เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่มาก ขนาดความใหญ่ของ A380 มิใช่ใหญ่โตแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น มันคือความยิ่งใหญ่ที่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในหลายมิติ หลายวงการ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตเครื่องบินเช่นการใช้วัสดุ composite และเรื่องการเปลี่ยนสายไฟจากทองแดงมาเป็นอลูมิเนียมอันทำให้โครงการล่าช้าเพราะรัศมีการโค้งงอของสายไฟอลูมิเนียมต่างจากทองแดง A380 มีน้ำหนัก 590 ตัน ขนาดความยาว 72.8 เมตรสูง 24.1 เมตรหรือเทียบเท่าได้ประมาณตึก 6 ชั้น ปีกกว้าง 79.8 เมตรใช้ระยะทาง 3,000 เมตรในการบินขึ้น และ 1,200 เมตรในการบินลง
A380 เมื่อจอดในสนามฟุตบอล สังเกตมิติของปลายปีกถึงปลายปีกยาวกว่าหัวถึงท้ายเครื่องเสียอีก และมีภาพเปรียบเทียบขนาดของ AirBus A380 กับ Boeing 747 ด้วยVDO เกี่ยวกับ AirBus A380
VDO ประกอบ A380 ใน 7 นาที
เครื่องบินAirbusA380 สร้างขึ้นจากหลายๆ ประเทศใน ยุโรปได้แก่ Aeroapatiale-Matra ที่ Toulouse จะทำการประกอบส่วนต่างๆ ของเครื่องบินในช่วงสุดท้าย การสร้างภายในลำตัว ดำเนินการ โดย DASA ที่ Hamburg ทั้ง Aerospatiale และ DASA สร้างส่วนต่างๆ ของโครงสร้างลำตัวด้วย, บริษัท BAE Systems สร้างส่วนของปีก, บริษัท CASA ของสเปน สร้างส่วนของแพนหาง, เครื่องยนต์ก็มีความก้าวหน้าในโครงการค้นคว้าของ บริษัท Rolls-Royce สำหรับสนามบินที่มีเครื่องรุ่นนี้บินเป็นประจำในปัจจุบันยังมีเพียง 25 ที่เท่านั้นครับ
VDO รีวิวนั่ง first class ของ Emirates ไปฮ่องกง
ฝรั่งคนนี้ทำ VDO นั่ง first class ของ Emirates จากสุวรรณภูมิไปฮ่องกงครับ รู้สึกราคาประมาณ 25000 บาทครับ ใครอยากสัมผัสบรรยากาศ First Class ของเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกลองกันได้ ฝรั่งคนนี้อาบน้ำบนเครื่องด้วยนะ ครบเลยทีเดียว แนะนำให้ดูกันครับ
A380 ของการบินไทยกำลังมา
A380 ของการบินไทยยังไม่มี แต่กำลังจะมาคาดว่าปลายปีนี้ครับ ลองดู present อารมณ์เก่าๆสไตล์การบินไทยได้
บทสรุปกับการเที่ยวฮ่องกงด้วย A380 Emirates
สำหรับท่านที่อยากนั่งเครื่องบิน A380 ด้วยราคาประหยัดที่สุด ก็มีทางเลือกรูท กทม-ฮ่องกง ของ Emirates เท่านั้นครับ มาแล้วไม่น่าจะผิดหวังกับเครื่องบินนะ ข้อเสียอย่างเดียวที่เห็นชัดคือ”ช้า” ในส่วนของขั้นตอนก่อนเครื่องออก และตอนโหลดกระเป๋าเพราะเครื่องใหญ่และสนามบินสุวรรณภูมิอาจไม่ค่อยชำนาญ ถ้าหิ้วขึ้นเครื่องได้จะเร็วกว่าครับ ส่วนโรงแรมราคาประหยัดที่ผมชอบพักที่ฮ่องกงคือ Yesinn มีรีวิวในพันทิปเยอะแยะลองหาดูครับ สำหรับผู้ใช้ Smartphone ผมเคยเขียน วิธีซื้อซิมการ์ดใช้ที่ฮ่องกง ลองดูกันได้
Enjoy your trip to HK!