ปัญหาที่สำคัญในการพัฒนาโปรเจ็คคือความเข้าใจตัวเอง

คุณเข้าใจตัวเองหรือไม่
คุณเข้าใจตัวเองหรือไม่

เมื่อลูกค้าต้องการทำโครงการมักจะคิดเรื่องราคาเว็บนี้เท่าไหร่ดีถึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งคุณเม่นได้แจกแจงรายละเอียดไว้เป็นอย่างดีใน ระดมสมองคิดว่าเว็บน่าจะราคาเท่าไร่ดี แต่คุณเม่นกับคุณจ๋งเองหลังจากทำงานมาระยะหนึ่งก็พบกว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดอันเป็นอุปสรรคที่ทำให้โปรเจ็คไม่สำเร็จและยืดเยื้อเป็นเรื่องความเข้าใจตัวเองของลูกค้าครับ

1.ถ้าลูกค้าเข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจเรื่อง IT

( รู้ว่าจะสร้างถนนไปที่ไหน แต่ไม่รู้ว่าถนนสร้างยังไง )

กรณีนี้ทีม Develop ก็ยังต้องพยายามทำความเข้าใจให้ตรงกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ประสบการณ์ของทีม Developer ด้วยเช่นกันในการเจอลูกค้าหรือธุรกิจมาหลายประเภท เช่นคุณเม่นเคยทำงาน Consult ระบบมาก่อน ผมเคยทำงานด้านระบบคุณภาพและการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ตลาดมาก่อน และ ไทเกอร์ไอเดียเคยทำงานด้าน Organizer มาก่อน จึงจะพอเข้าใจลูกค้าและแนะนำระบบที่เหมาะสมให้ลูกค้าได้ครับ หรือถ้าลูกค้ามีความไว้วางใจและชัดเจนเรื่อง Reference หรือ Best Practice ในตลาด เมื่อส่งให้ Developer ทีมเก่งๆทีมไหนก็สามารถทำได้เช่นกัน

กรณีนี้ลูกค้าถ้าต้องการจ้างงานเป็น Project ต้องมี Cost ด้าน Systems Analyst, Information Architecture และ Super vision และทีม Project Development หรืออาจจ้างงานแบบ Man -hour แทนก็ได้ครับ

2. ลูกค้าเข้าใจตัวเอง และเข้าใจเรื่อง IT ด้วย

( รู้ว่าสร้างถนนไปที่ไหน และรู้ว่าสร้างถนนยังไง )

ลูกค้าเหล่านี้มีไม่เยอะมากเพราะส่วนใหญ่ลูกค้าอาจจะอยากทำโครงการนี้เสียเอง เว้นแต่โปรเจ็คเยอะและไม่มีเวลาก็สามารถมาจ้างทีม Developer ได้ครับ ที่คนพูดกันว่าเว็บราคา 2-3 หมื่นเกิดได้ ต้องมีลูกค้าแบบนี้เท่านั้น ลูกค้าแนวนี้จะเป็นลูกค้าที่เข้าใจ Business ของทีม Developer ด้วยดังนั้นการทำงานจะแฟร์ทั้งสองฝ่ายและคุยกันได้ เด็กจบใหม่ถ้าต้องการทำเว็บต้องเจอกับลูกค้าแบบนี้งานถึงจะจบครับ

กรณีนี้ลูกค้ามี Cost ด้าน Developer เท่านั้น

การสร้างถนนมีความยากในตัวมัน แต่จะแย่ยิ่งกว่าหากไม่รู้แม้แต่จุดหมายหรือวัตถุประสงค์ในการสร้างที่ชัด
การสร้างถนนมีความยากในตัวมัน แต่จะแย่กว่าหากไม่รู้แม้แต่จุดหมายหรือวัตถุประสงค์ในการสร้างที่ชัด

3. ลูกค้าไม่เข้าใจตัวเอง และไม่เข้าใจ IT ด้วย

( ต้องการถนน ไม่รู้ว่าจะสร้างถนนไปที่ไหน และไม่รู้วิธีสร้าง )

อันนี้มีมากในผู้ที่ต้องการลงทุนทำอะไรสักอย่างเมื่อมีเงินเก็บมาระยะหนึ่ง ดังนั้นอาจเกิดการทดลองทำงานไปเรื่อยๆเนื่องจากตนเองยังไม่เข้าใจว่าผลลัพท์ที่ออกมานั้นจะมีประโยชน์ต่อ Business Model อย่างไร หรือผลลัพท์ที่คิดคร่าวๆในหัวนั้นมีความสัมพันธ์กับ Business Model อย่างไร หรือบางคนไม่มีแม้แต่ Business Model ( เช่น ช่วยทำเว็บแบบ facebook หรือ ebay ให้หน่อย แล้วผมจะขายแบนเน่อร์นะ หรือช่วยทำเว็บรถมือสองให้คนเข้ามาโพสแล้วผมจะเก็บส่วนต่างซึ่งแรงจูงใจในการโพสยังไม่มี ) และเมื่อ Systems Analyst คิดระบบมาให้ ก็ไม่สามารถตัดสินใจโด้ โดยมากต้องขอให้ “ลองทำก่อน”

( แต่ที่ร้ายกว่านั้นคืองานราชการทั่วไปที่ต้องมีการเขียนโครงการประจำปี บางทีงานนั้นไม่มีคนเข้าใจอะไรสักอย่าง และยังไม่ต้องการผลสัมฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์อีกด้วย เปรียบเหมือน ” ไม่รู้ว่าจะสร้างถนนไปไหน ไม่รู้ว่าสร้างอย่างไร และความจริงแล้วสิ่งที่ต้องการไม่ใช่ถนน ” ) 😛

กรณีนี้โปรเจ็คจะสำเร็จได้ยากมาก สิ่งที่ลูกค้าต้องการคือ Partner ด้านปฎิบัติการ หรือเป็น Venture Capital ให้คนที่กำลังพัฒนาระบบด้านที่ตัวลูกค้าเองสนใจอยู่จะสำเร็จได้มากกว่าครับ หรือไม่ก็ต้องจ้าง Business Analyst มาประกบด้วยเพื่อวิเคราะห์ธุรกิจก่อนส่งต่อให้ System Analyst คือต้องมีตัวแทนฝ่ายลูกค้าเองด้วยมิเช่นนั้นจะไม่สามารถตัดสินงานได้ว่าเสร็จหรือไม่

4. ลูกค้าไม่เข้าใจตัวเอง แต่เข้าใจ IT

( ไม่รู้ว่าสร้างถนนไปที่ไหน แต่รู้ว่าสร้างถนนอย่างไร )

กรณีนี้อาจทำให้เกิดการลองทำงานก่อนโดยไกด์แนวที่ตนเองคิดว่าผลลัพท์น่าจะใช่สู่ทีม Developer พอทำแล้วก็จะพบว่าต้องมีฟังก์ชั่นนู่นนี่เพิ่มหรือระบบไม่ก่อให้เกิดรายได้จึงต้องการสิ่งปลีกย่อยเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ หรือรื้อระบบทำใหม่กลางคันอยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตามการทำงานยังสามารถอธิบายถึงผลลัพท์ได้ก่อนที่ผลลัพท์จริงจะเสร็จอยู่ และลูกค้าน่าจะเข้าใจโครงสร้างราคาของโครงการอยู่

ส่วนคำว่า “เข้าใจ IT” ถ้าไม่ถ่องแท้จริงๆอาจทำให้เกิดปัญหาได้มากมายเช่นกัน เช่นการไปกำหนดวิธีพัฒนาให้ Developer เพราะตนเองคิดว่าใช้ระบบนี้แล้วดี ในขณะที่ Developer ถนัดอีกแบบหนึ่งซึ่งอาจให้ผลลัพท์เหมือนกันก็ได้

กรณีนี้ลูกค้าควรดีลกับทีมงาน Developer แบบ Man – Hour คือจ้างทำงานไปเรื่อยๆแบบ trial and error และต้องมีค่าตอบแทนที่จูงใจ Developer ในระยะยาวด้วยเช่นกันเนื่องจากงานจะค่อนข้างไม่ท้าทายถ้าเวลาผ่านไปแล้วโปรเจ็คยังไม่สามารถก่อให้เกิดรายได้ได้ นอกจากนั้นยังอาจต้องการ Business Partner ที่ชัดเจน

สรุป

ในข้อเท็จจริงคือ เมื่อคุณต้องการสร้างโปรเจ็คขนาดใหญ่ที่ใช้เวลานาน Requirement นั้นอาจจะยืดหยุ่นไปเรื่อยๆตามสภาพธุรกิจ IT ในตอนนั้น ดังนั้นยากที่จะมีใครเข้าใจปลายทางอย่างถ่องแท้ แต่อย่างน้อยก็ต้องเข้าใจทิศทางในการสร้าง และสิ่งที่ผู้ลงทุนต้องการคือ Partner เท่านั้นครับ ผมเองยังไม่เห็นใครที่สร้างโปรเจ็คใหญ่ด้าน IT สำเร็จโดยไม่มีส่วนในการทำด้วยตนเองหรือ developer ไม่มีส่วนในการเป็นเจ้าของเลยสักราย !

บทความอื่นที่น่าสนใจลองดูในหมวด ธุรกิจทำเว็บ