3G กับประวัติกิจการโทรคมนาคมในไทย

จากการพูดคุยกับคุณสุภิญญา กลางณรงค์ เกี่ยวกับเรื่อง 3G คุณ @warong ได้สรุปเป็น Bullet มาน่าสนใจหลายประเด็นทีเดียว ผมจึงนำมาขยายและใส่ลิงก์สำหรับผู้ที่สนใจครับ แนะนำลองอ่านโพส ปัญหา 3G ในเมืองไทย เหตุใดไม่เกิดซะที ก่อนครับ

กำเนิดโทรทัศน์และโทรคมนาคม

การจะทำความเข้าใจเรื่องของการประมูล 3G ที่กำลังเป็นประเด็นสนใจในปัจจุบัน น่าจะลองมาดูพัฒนาการของสื่อที่สำคัญของไทย นั่นก็คือ วิทยุโทรทัศน์ และ โทรคมนาคม ซึ่งทั้งสองมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันก่อนครับ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มีที่มาจากผลสืบเนื่องกันหลายเรื่องครับ 😀

โทรคมนาคม

เริ่มกันที่โทรคมนาคมกันก่อนนะครับ เส้นทางโทรคมนาคม(รัฐ)ไทย อาจย้อนไปไกลได้จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเริ่มต้นจากกิจการ ไปรษณีย์ไทย นั่นเองครับ การส่งไปรษณีย์ตามแบบแผนที่เรารู้จักกัน รวมไปถึงรูปแบบที่รวดเร็วขึ้นอย่างโทรเลข ก็คือรูปแบบแรกๆ ของโทรคมนาคมนั่นเองครับ 😀

หลังจากนั้นไม่นาน ในปี พ.ศ. 2429 กรมโทรเลขได้รับโอน กิจการโทรศัพท์ จาก กระทรวงกลาโหม มาดำเนินการ และขยายบริการ เปิดให้ประชาชนได้เช่าใช้เครื่องโทรศัพท์ ภายในกรุงเทพและธนบุรี เป็นครั้งแรก มี ผู้เช่าใช้บริการครั้งแรกทั้งสิ้น 61 ราย เป็นระยะทางของสายยาวประมาณ 86 กิโลเมตร

โทรศัพท์บ้านยุคแรกๆของไทย ภาพจาก gotoknow ปรเมศวร์ กุมารบุญ
โทรศัพท์บ้านยุคแรกๆของไทย ภาพจาก gotoknow ปรเมศวร์ กุมารบุญ

หลังจากนั้นเกิดการรวมกันของกิจการเป็นที่มาของ กรมไปรษณีย์โทรเลข ดำเนินกิจการทั้งไปรษณีย์ โทรศัพท์ และโทรเลข

ต่อมาในส่วนกิจการโทรศัพท์ ได้มีการแยกย่อยจนเกิด กองช่างโทรศัพท์ และเมื่อรูปแบบบริหารจัดการ แบบ รัฐวิสาหกิจ เริ่มต้นขึ้นในราวปลายทศวรรษ 2490 หน่วยงานนี้ก็ได้กลายมาเป็น องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (รัฐวิสาหกิจ) ในปี 2497

ส่วนกิจการไปรษณีย์อื่นๆ นอกเหนือไปจากโทรศัพท์ก็ได้เปลี่ยนโครงสร้างมาเป็นรัฐวิสาหกิจในภายหลังเช่นกันครับ ภายใต้ชื่อ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (รัฐวิสาหกิจ) ในปี 2520

และเมื่อมีแนวคิดแปรรูปองค์กรรัฐวิสาหกิจเป็นรูปแบบ บริษัทมหาชน ราวช่วงทศวรรษ 2540 องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ก็ได้กลายมาเป็น บริษัท ทศท คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ในปี 2545 และเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT ในปี 2548

ส่วนการสื่อสารแห่งประเทศไทย ก็ได้แปรรูปกิจการโทรคมนาคม มาเป็น บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT Telecom เช่นกัน

เราก็ได้ทั้ง TOT และ CAT อันคุ้นหูคุ้นตาในปัจจุบันแล้วนะครับ 😀

ภารกิจของกิจการทางโทรคมนาคมของไทย พอจะแบ่งออกเป็น 4 ยุคนะครับ ได้แก่

  • ยุคแรก (พ.ศ. 2426 – พ.ศ. 2441) มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์ และโทรศัพท์ภายในกรุงเทพและธนบุรี
  • ยุคที่สอง (พ.ศ. 2441 – พ.ศ. 2490) มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์ โทรศัพท์ โทรเลข และคลังออมสิน
  • ยุคที่สาม (พ.ศ. 2490 – พ.ศ. 2520) มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์ และโทรเลข ส่วนกิจการโทรศัทท์ได้โอนกิจการไปเป็นรัฐวิสาหกิจ
  • ยุคที่สี่ (พ.ศ. 2520 – พ.ศ. 2546) มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับกิจการวิทยุสมัครเล่น และการบริหารความถี่วิทยุ

วิทยุ โทรทัศน์ (Broadcast)

ส่วนกิจการวิทยุ โทรทัศน์ในเมืองไทยนั้น เริ่มต้นช้ากว่าโทรคมนาคมครับ ขณะที่กิจการโทรคมนาคมของไทยเริ่มขึ้นในช่วงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กิจการวิทยุไทยเริ่มในปี 2473 และโทรทัศน์ประมาณปี 2498 อันเป็นช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว

กิจการโทรทัศน์ส่วนมากได้กลายมาเป็นช่องของสถานีของทหารส่วนหนึ่ง และอีกส่วนในรูปแบบรัฐวิสาหกิจที่ชื่อ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (รัฐวิสาหกิจ)

สถานีโทรทัศน์ที่เป็นของของเอกชนเป็นแนวคิดใหม่ ที่ต้องรอจนถึงหลังเหตุการณ์พฤษภาฯ 35 เพราะไม่อยากให้ทหารเป็นเจ้าของอีก อันได้แก่ช่องสถานี ITV ในขณะนั้น

ข้อสังเกต

กิจการโทรคมนาคมเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว พัฒนาโครงสร้างองค์กรที่มีมูลค่ามาเป็นรูปแบบ รัฐวิสาหกิจ ส่วน Broadcast เป็นของทหารทั้งหมด ยกเว้น อสมท. ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ

ความเห็นส่วนตัวคืออาจเป็นไปได้ว่า ในขณะนั้น ทางฝ่ายความมั่นคงเห็น Broadcast เป็นเทคโนโลยีที่เข้าถึงบุคคลได้มากกว่าโทรคมนาคมจึงให้ความสำคัญมากกว่า ไม่มีใครคาดคิดว่าเทคโนโลยีโทรคมนาคมจะมาได้ไกลขนาด 3G

สัมปทานระหว่างรัฐวิสหากิจกับเอกชน และโทรศัพท์มือถือยุคแรก

จากพัฒนาการแบบนี้ เราจะเห็นได้ว่าเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว รูปแบบที่ ก้าวหน้า ในยุคนั้นของการดำเนินการโดยรัฐ คือการบริหารจัดการในรูปแบบรัฐวิสาหกิจนั่นเอง ซึ่งมีวิธีการการดำเนินการ คือการให้ สัมปทาน อันเป็นสัญญาระหว่างรัฐวิสาหกิจเจ้านั้นๆ กับคู่สัญญาเอกชนไปดำเนินการเป็นระยะยาว

ในช่วงเวลาของการบริหารแบบรัฐวิสาหกิจและสัญญาสัมปทานนี้เอง โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่เรียกกันติดปากว่า โทรศัพท์ถือ ก็ได้เข้ามาในประเทศไทย บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ ซึ่งในขณนั้นเป็นผู้นำเข้าเครื่องโทรศัพท์มือถือ ด้วยรูปแบบธุรกิจแบบเดิม บริษัทก็ได้สัมปทานการดำเนินการจาก ทศท

ตอนนั้นเครื่องโทรศัพท์มือถือมีราคาเป็นหลักหมื่นหลักแสนแถมโทรศัพท์บ้านก็ยังใช้ได้ดี ยังไม่มีใครคิดการไกลขนาดทักษิณว่าโทรศัพท์มีอถือจะกลายมาเป็นกระทั่งอุปกรณ์ที่สามารถใช้แม้กระทั่ง Broadcast แบบปัจจุบันนี้ได้

โทรศัพท์มือถือ ericsson hotline900 ราคา 100,000 บาท
โทรศัพท์มือถือ ericsson hotline900 ราคา 100,000 บาท

โทรศัทพ์มือถือราคา 100,000 บาทในขณะที่ทองคำบาทละ 4,000 ถ้าตอนนั้นผมเป็นผู้บริหารโทรคมนาคมไทย จะกล้าทุ่มธุรกิจนี้หรือเปล่านะ ?

motorola dyna
motorola dyna

ภาพประวัติมือถือ ดูได้ที่นี่

ความเปลี่ยนแปลงในช่วงเปลี่ยนผ่าน

การบริหารแบบรัฐวิสาหกิจและวิธีการให้สัมปทานแบบนี้ เป็นระบบที่เราพบแล้วว่ามีปัญหาเพราะ

  • ปัญหาเรื่องความเป็นเจ้าของทรัพยากร เพราะดูเหมือนรัฐวิสาหกิจจะเป็นผู้ควบคุม และรายได้จากสัญญานี้เข้าสู่รัฐวิสาหกิจก่อน เมื่อได้กำไรจึงเป็นของรัฐ แต่โดยหลักการแล้ว สาธารณะ ควรจะเป็นเจ้าของ และรายได้จากค่าธรรมเนียมก็ควรจะเข้ารัฐ โดยตรง มากกว่าจะเป็นเพียงผลกำไรจากรัฐวิสาหกิจ
  • ไม่มีองค์กรกำกับดูแล (Regulator) ที่เป็นอิสระ ทั้งตรวจสอบได้ยาก ไม่เอื้อต่อการกำหนดระเบียบและกติกาที่โปร่งใส เพราะเป็นการทำสัญญาระหว่างเอกชนกับรัฐวิสาหกิจโดยตรง
  • ระบบนี้อิงอยู่กับรัฐ และเอื้อต่อระบบอุปภัมภ์

ในช่วงปี 2540 รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มีแนวคิดใหม่ๆ หลายประการที่พยายามตามให้ทันปัญหาเหล่านี้ คือการเกิด องค์กรอิสระ ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบทางการเมืองที่มีหน้าที่กำกับดูแล และการมีส่วนร่วมของประชาชน

องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับโทรคมนาคมของรัฐตามรัฐธรรมนูญ 2540 ก็คือ กทช. ที่ก่อตั้งขึ้นแล้ว และเป็นที่รู้จักกันดีในขณะนี้ ส่วนองค์กรอิสระที่กี่ยวข้องกับวิทยุ โทรทัศน์นั้น ตามแผนก็คือ กสช. แต่เนื่องจากตอนก่อตั้งมีปัญหา (ลองฟังคุณสุภิญญาเล่าปัญหาการตั้งกสช. ได้ที่ บล็อกคุณจ๋ง ครับ) ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เกิด 😀

การเกิดขึ้นของ กทช. มีความมุ่งหวังหลายประการ ทั้งการเปลี่ยนรูปแบบการให้สัมปทาน มาเป็นการออก ใบอนุญาต โดยกทช. เป็นผู้ดำเนินการและเน้นกลไกลขั้นตอนที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ อันได้แก่ต้องมีการประมูลความถี่ใหม่ และจัดการกับความถี่เดิม

ช่วงเดียวกันนั่นเอง การแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็ได้คืบหน้าเข้ามาสู่รัฐวิสาหกิจด้านโทรคมนาคม อันได้แก่การเกิดขึ้นของ TOT และ CAT Telecom

อย่างไรก็ดี ผลที่ตามมา กลับส่งผลตามมาที่เป็นปัญหาอันนับไม่ถ้วนครับ 🙁

ปัญหาจากสัญญาสัมปทานเก่า

  • เดิมเมื่อยังเป็นรัฐวิสาหกิจ ทั้ง TOT และ CAT รับบทบาทเป็นผู้ให้สัมปทาน
  • แม้องค์กรอิสระที่หวังให้เป็นองค์กรกำกับดูแลอย่าง กทช. จะเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังคงต้องรับรองสัญญาสัมปทานเก่าอยู่ด้วย
  • หากกทช. ยังคงต้องรับรองสัญญาเก่า แล้วจะเข้าไปจัดการกับกลุ่มความถี่เก่านี้อย่างไรตามความมุ่งหวังของรัฐธรรมนูญ?

ปัญหาอันมาจากการแปรรูปที่ยังไม่สมบูรณ์

  • องค์กรทั้ง TOT และ CAT แปรรูปและจดทะเบียนเป็นบริษัทที่มุ่งหวังจะเป็น ผู้ดำเนินกิจการ ทางโทรคมนาคมแล้ว คล้ายกับ AIS DTAC หรือ True
  • แต่สัญญาของสัมปทานเก่ายังอยู่ – -” นั่นคือก็คือเงินค่าธรรมเนียมสัมปทานยังคงเข้า TOT และ CAT ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาล 😀
  • แล้ว TOT กับ CAT จะสนับสนุนการคืนคลื่นความถี่ของสัมปทานเดิม หรือสนับสนุนการดำเนินการใดๆ ที่อาจมีผลให้สัมปทานเดิมต้องยกเลิกหรือ?

ปัญหาการผูกขาดรูปแบบการลงทุนและกิจการโทรคมนาคมในยุค 3G

เป็นเรื่องน่าสนใจอีกเรืองหนึ่ง ที่อาจจะไม่เกี่ยวกับความเป็นรัฐวิสาหกิจหรือสัมปทานโดยตรง แต่รูปแบบเดิมยังเอื้อต่อการผูกขาดมากครับ

กล่าวอย่างกว้างๆ แล้ว ผู้ดำเนินการในธุรกิจนี้แยกได้เป็นสามส่วน

  • ผู้ดำเนินการด้านโครงข่าย
  • ผู้ให้บริการ
  • ผู้ให้บริการเนื้อหา (Content)

ผู้ดำเนินการด้านโครงข่ายเป็นหมวดที่ต้องใช้ลงทุนมหาศาล คุณสุภิญญาถึงกับบอกว่า ตามหลักแล้ว โครงข่ายน่าจะต้องผูกขาด ขณะที่หมวดอื่นๆ นั้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดนี้ ผู้ประกอบการรายเลฏยังสามารถดำเนินการได้ 😀

อย่างไรก็ดี ณ ขณะนี้ ข้อกำหนดทางกลุ่มธุรกิจการสื่อสารยังไม่มีระเบียบชัดเจนอยู่ ทำให้เกิดการผูกขาดได้ง่าย เพราะยังไม่มีหลักในการแยกพิจารณาการดำเนินการทีละกลุ่ม แต่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องลงทุนด้านโครงข่ายด้วย จึงปิดทางหน่วยธุรกิจอื่นๆ เพราะคนที่จะลงทุนระดับโครงข่ายทั่วประเทศได้ จะต้องเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่มากๆ

เปรียบเทียบโครงข่ายกับผู้ให้บริการคือ

  • โครงข่าย ก็คล้ายกับ ถนน ผู้ดำเนินการด้านโครงข่าย ก็เปรียบเสมือน ผู้สร้างถนน
  • ผู้ให้บริการ ก็คล้ายกับผู้ให้บริการที่ใช้ถนนให้เป็นประโยชน์ เช่นบริษัทรถขนส่งต่างๆ นครชัยแอร์, สมบัติทัวร์,บขส ฯลฯ

รูปแบบเดิม ก็คล้ายกับการกำหนดให้ บริษัทที่สนใจกิจการรถขนส่ง จำเป็นต้องมาประมูลสร้างถนนด้วยนั่นเอง 😀

ซึ่งในการจัดสรร 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ได้พยายามแก้ปัญหานี้ ด้วยการเปิดพื้นที่ให้กับ ผู้ให้บริการที่ไม่มีระบบโครงข่าย หรือ MVNO (Mobile virtual network operator) นั่นเอง

เงื่อนไขการจัดสรร 3G ที่กำลังอยู่ในแผนการนี้ กำหนดว่าต้องกัน 40% ให้ MVNO ผู้ลงทุนดำเนินการด้านการให้บริการเองทั้งหมดไม่ได้

การเปิดเสรีของผู้ให้บริการนี้เอง จะทำให้ทุกคนสามารถเป็นผู้ให้บริการ 3G ได้ครับ อย่างเช่น 365 หรือ iFox 3G และไม่เว้นแม้แต่ TiGERiDEA ก็ยังสามารถทำได้ 😛

อย่างไรก็ดี ถ้าเสรีขนาดนี้แล้วคุณเป็นผู้บริหารของ AIS DTAC TRUE จะคิดอย่างไร ?

แนะนำอ่าน ! Smart brain สัมภาษณ์ CEO DTAC , Tore Johnsen

(ขอบคุณ @phichai)

ปัญหาความทับซ้อนของ 3G ธุรกิจสื่อสารกับธุรกิจ Broadcast

มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G นอกจากจะรองรับการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็วกว่ามาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G แล้ว ยังก่อให้เกิดการถือกำเนิดของบริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถสร้างขึ้นบนเครือข่ายเก่าได้ ที่ชัดเจนก็คือบริการ Video Telephony และ Video Conference ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบเห็นหน้า โดยเครือข่าย 3G จะทำการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียงระหว่างคู่สนทนา โดยไม่เกิดความหน่วงหรือล่าช้าของข้อมูล

ความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับ 3G ที่ wiki แต่บทความยังค่อนข้างเข้าข้าง W-CDMA อยู่ แต่จุดที่น่าสนใจคือการพัฒนาให้เครือข่ายทั่วถึงนั้นสามารถทำได้โดยใช้ต้นทุนต่ำกว่าระบบ 2G มาก ดังนั้นในเวลาไม่นานจะครอบคลุมได้อย่างรวดเร็ว

ไทย – โมบาย เป็นเพียงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายเดียวในประเทศไทยที่สามารถเปิด ให้บริการเครือข่าย 3G แบบ W-CDMA ได้ในทันที เนื่องจากมีสิทธิ์ใช้คลื่นความถี่วิทยุในย่าน 1965 ? 1980 เมกะเฮิตรซ์ และ 2155 ? 2170 เมกะเฮิตรซ์ ขณะที่ผู้ให้บริการเครือข่ายรายอื่น ๆ จำเป็นต้องยื่นคำร้องผ่านกระบวนการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโดยคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี

ในปัจจุบัน รัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้ตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาใหม่เป็นองค์กรเดียว ดูแลทั้ง โทรคมาคมและวิทยุโทรทัศน์ ที่ชื่อว่า กสทช. ซึ่งยังไม่เกิด

ปัญหาก็คือ หาก 3G คาบเกี่ยวไปในส่วน Broadcast ด้วย การประมูล 3G อาจทำให้กทช. ที่ดูแลเฉพาะโทรคมนาคมมีปัญหาได้ในอนาคต

แล้วควรทำเช่นไรในขณะที่กสทช. ยังไม่เกิด?

ยังมีปัญหาอย่างอื่นอีกมากมาย ?

อันนี้ต้องรอ ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ก่อนละกันครับ 😛 ( #ล้อเล่น !) แล้วค่อยมา Discuss กัน โปรดติดตามด้วยใจระทึกพลัน !

3G เผชิญมรสุมที่มีเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่ยากเย็นขนาดนี้
3G เผชิญมรสุมที่มีเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่ยากเย็นขนาดนี้